ระเบียบว่าด้วยคณะกรรมการบริหารความเสี่ยง (แก้ไขครั้งที่ 9)

สารบัญ

  1. เจตนารมณ์
  2. นิยาม
  3. การแต่งตั้ง
  4. คุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม
  5. หน้าที่และความรับผิดชอบ
  6. วาระและค่าตอบแทน
  7. การประชุม
  8. การรายงาน
  9. หน่วยงานบริหารความเสี่ยง
  10. วันที่มีผลใช้บังคับ

ข้อ 1. เจตนารมณ์

บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. มุ่งมั่นพัฒนาการบริหารความเสี่ยงให้มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้องค์กรบรรลุวิสัยทัศน์ พันธกิจ เป้าหมาย และกลยุทธ์ ในดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน และสอดคล้องกับแนวปฏิบัติด้านการกำกับดูแลกิจการที่ดีที่บริษัทจดทะเบียนพึงปฏิบัติ ปตท.สผ. จึงแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารความเสี่ยงเพื่อทำหน้าที่กำกับดูแล กำหนดนโยบาย และส่งเสริมให้ผู้บริหารและพนักงานนำการบริหารความเสี่ยงมาใช้ดำเนินงาน

ข้อ 2. นิยาม

ในระเบียบนี้

  1. “บริษัท” หมายความว่า บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. และบริษัทย่อยของ ปตท.สผ.
  2. “คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)
  3. “กรรมการอิสระ” หมายความว่า กรรมการอิสระของ ปตท.สผ. ตามระเบียบการกำกับดูแลกิจการที่ดีและจริยธรรมธุรกิจของกลุ่ม ปตท.สผ.
  4. “หน่วยงานบริหารความเสี่ยง” (Risk Management Function) หมายถึง หน่วยงานที่ได้รับการแต่งตั้งจากประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ให้รับผิดชอบการบริหารความเสี่ยงองค์กรในภาพรวม ให้สอดคล้องกับนโยบายและกรอบการบริหารความเสี่ยงที่บริษัทกำหนด

ข้อ 3. การแต่งตั้ง

คณะกรรมการ เป็นผู้แต่งตั้งคณะกรรมการบริหารความเสี่ยง (Risk Management Committee) ประกอบด้วย กรรมการ ปตท.สผ. อย่างน้อยสามคนเป็นคณะกรรมการบริหารความเสี่ยงและกรรมการบริหารความเสี่ยงอย่างน้อยหนึ่งคนต้องเป็นกรรมการอิสระ

คณะกรรมการจะแต่งตั้งกรรมการบริหารความเสี่ยงคนหนึ่งเป็นประธานกรรมการบริหารความเสี่ยง และให้หัวหน้าหน่วยงานบริหารความเสี่ยง เป็นเลขานุการคณะกรรมการบริหารความเสี่ยง

ข้อ 4. คุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม

กรรมการบริหารความเสี่ยงต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังนี้

  1. เป็นกรรมการ ปตท.สผ. และไม่ใช่ประธานกรรมการ ปตท.สผ. หรือประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
  2. สามารถอุทิศเวลาอย่างเพียงพอในการดำเนินงานของคณะกรรมการบริหารความเสี่ยง
  3. กรรมการบริหารความเสี่ยงที่เป็นกรรมการอิสระ ต้องมีความเป็นอิสระตามระเบียบการกำกับดูแลกิจการที่ดีและจริยธรรมธุรกิจของกลุ่ม ปตท.สผ.

ข้อ 5. หน้าที่และความรับผิดชอบ

คณะกรรมการบริหารความเสี่ยงมีหน้าที่และความรับผิดชอบ ดังนี้

  1. กำหนดนโยบายและกรอบการบริหารความเสี่ยงองค์กร (Enterprise Risk Management Policy and Framework) รวมถึงให้คำแนะนำแก่คณะกรรมการและฝ่ายจัดการ ในเรื่องการบริหารความเสี่ยงระดับองค์กร
  2. พิจารณาประกาศความเสี่ยงที่องค์กรยอมรับได้ (Risk Appetite Statement) และเกณฑ์และขอบเขตของความเสี่ยง (Corporate Level Risk Metrics and Limits) ก่อนนำเสนอคณะกรรมการเพื่อพิจารณาอนุมัติ พร้อมทั้งติดตามอย่างสม่ำเสมอ
  3. กำกับดูแลและสนับสนุนการบริหารความเสี่ยง ให้มีประสิทธิผลและประสิทธิภาพทั้งในระดับองค์กรตลอดจนระดับกลุ่มงาน/หน่วยงาน (Enterprise-wide Risk Management) โดยให้ความสำคัญและคำนึงถึงความเสี่ยง (Risk Awareness) ในแต่ละปัจจัยเพื่อประกอบการตัดสินใจ การจัดสรรทรัพยากร และการดำเนินงานในกระบวนการต่าง ๆ อย่างเหมาะสม
  4. พิจารณาความเสี่ยงเชิงกลยุทธ์และความเสี่ยงสำคัญระดับองค์กรในธุรกิจหลัก และธุรกิจสำคัญเชิงกลยุทธ์ของ ปตท.สผ. โดยให้ข้อเสนอแนะเพื่อจัดการความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ ตาม ข้อ 5. (2) พร้อมทั้งติดตามและประเมินผลแนวทางการจัดการความเสี่ยงให้เหมาะสมกับสภาวะการดำเนินธุรกิจ
  5. พิจารณากลั่นกรองและให้ข้อคิดเห็นที่เกี่ยวข้องกับการทำรายการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งทรัพย์สินที่มีมูลค่านัยสำคัญก่อนนำเสนอคณะกรรมการเพื่อพิจารณาอนุมัติ
  6. พิจารณาวัตถุประสงค์และกรอบแนวทางการทำประกันความเสี่ยงราคาน้ำมันและความเสี่ยงทางการเงิน ก่อนนำเสนอคณะกรรมการเพื่อพิจารณาอนุมัติ พร้อมทั้งติดตามผลการดำเนินงานอย่างสม่ำเสมอ
  7. ส่งเสริมให้การบริหารความเสี่ยงเป็นส่วนสำคัญของวัฒนธรรมองค์กร
  8. สนับสนุนหน่วยงานบริหารความเสี่ยง (Risk Management Function) ในการประเมินความเสี่ยงสำคัญ พร้อมทั้งแนะนำความเสี่ยงอื่น ๆ ที่อาจมีผลกระทบระดับองค์กร เพื่อให้บริหารความเสี่ยงอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพทัดเทียมกับบริษัทชั้นนำ เพื่อส่งเสริมให้ ปตท.สผ. บรรลุวัตถุประสงค์ทางธุรกิจได้ รวมทั้งมอบหมายงานอันเกี่ยวเนื่องกับการบริหารความเสี่ยงให้แก่หน่วยงานบริหารความเสี่ยงได้โดยตรง
  9. รายงานผลการกำกับดูแลการประเมินความเสี่ยงและการดำเนินงานเพื่อลดความเสี่ยงต่อคณะกรรมการเพื่อทราบเป็นประจำ ในกรณีที่มีเรื่องสำคัญซึ่งกระทบต่อบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ ต้องรายงานต่อคณะกรรมการ เพื่อพิจารณาโดยเร็วที่สุด
  10. เปิดเผยรายงานของคณะกรรมการบริหารความเสี่ยงไว้ในรายงานประจำปีของบริษัท
  11. พิจารณาทบทวนเกี่ยวกับระเบียบนี้ ให้มีความเหมาะสมและทันสมัยอยู่เสมอ
  12. ปฏิบัติการอื่นใดตามที่คณะกรรมการมอบหมาย อันเกี่ยวเนื่องกับการบริหารความเสี่ยงของ ปตท.สผ.

ในการปฏิบัติหน้าที่ คณะกรรมการบริหารความเสี่ยงอาจขอความเห็นจากที่ปรึกษาอิสระ เมื่อเห็นว่ามีความจำเป็นและเหมาะสม รวมทั้งให้กรรมการบริหารความเสี่ยงได้รับการอบรมและเสริมสร้างความรู้ในเรื่องที่เกี่ยวข้องต่อการดำเนินงานบริหารความเสี่ยงด้วย โดยบริษัทเป็นผู้รับค่าใช้จ่าย

คณะกรรมการบริหารความเสี่ยงรับผิดชอบในการปฏิบัติหน้าที่ต่อคณะกรรมการโดยตรงโดยคณะกรรมการรับผิดชอบในการดำเนินการทุกประการของบริษัทต่อบุคคลภายนอก

ข้อ 6. วาระและค่าตอบแทน

คณะกรรมการบริหารความเสี่ยงมีวาระอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระการดำรงตำแหน่งของกรรมการบริษัท

เมื่อมีกรรมการบริหารความเสี่ยงพ้นจากตำแหน่ง หรือมีเหตุใดที่กรรมการบริหารความเสี่ยงไม่สามารถอยู่ได้จนครบวาระ คณะกรรมการจะต้องแต่งตั้งกรรมการบริหารความเสี่ยงรายใหม่แทนให้ครบถ้วนอย่างช้าภายใน 3 เดือน นับแต่วันที่จำนวนสมาชิกไม่ครบถ้วน

เมื่อครบกำหนดตามวาระดังกล่าวในวรรคสอง หากยังมิได้มีการแต่งตั้งกรรมการบริหารความเสี่ยงขึ้นใหม่ ให้กรรมการบริหารความเสี่ยงซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระนั้นอยู่ในตำแหน่ง เพื่อดำเนินงานต่อไปจนกว่ากรรมการบริหารความเสี่ยงซึ่งได้รับแต่งตั้งใหม่เข้ารับหน้าที่

กรรมการบริหารความเสี่ยงซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระอาจได้รับแต่งตั้งอีกได้

นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระแล้ว กรรมการบริหารความเสี่ยงพ้นจากตำแหน่งเมื่อขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้ามตามข้อ 4

คณะกรรมการบริหารความเสี่ยงจะได้รับค่าตอบแทนที่เหมาะสมกับหน้าที่และความรับผิดชอบ โดยได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น และบริษัทต้องเปิดเผยค่าตอบแทนไว้ในรายงานประจำปีของบริษัทด้วย

ข้อ 7. การประชุม

คณะกรรมการบริหารความเสี่ยงต้องประชุมอย่างน้อยปีละสี่ครั้ง

การประชุมคณะกรรมการบริหารความเสี่ยง ต้องมีกรรมการบริหารความเสี่ยงมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการบริหารความเสี่ยงทั้งหมดจึงจะเป็นองค์ประชุม ถ้าประธานกรรมการบริหารความเสี่ยงไม่อยู่ในที่ประชุม ให้กรรมการบริหารความเสี่ยงที่มาประชุมเลือกกรรมการบริหารความเสี่ยงคนหนึ่งเป็นประธานในที่ประชุม

การวินิจฉัยชี้ขาดของที่ประชุมให้ถือเสียงข้างมาก กรรมการบริหารความเสี่ยงคนหนึ่งให้มีหนึ่งเสียงในการลงคะแนน ถ้าคะแนนเสียงเท่ากันให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด ทั้งนี้ เลขานุการคณะกรรมการบริหารความเสี่ยงไม่มีสิทธิออกเสียงลงคะแนน

กรรมการบริหารความเสี่ยงผู้ใดมีส่วนได้เสียเป็นการส่วนตัวในเรื่องใด หรือมีส่วนได้เสียใด ๆ ในเรื่องที่พิจารณา จะต้องแจ้งให้ที่ประชุมทราบ และงดให้ความเห็น งดออกเสียง และออกจากห้องประชุม ยกเว้นที่ประชุมโดยไม่รวมกรรมการที่มีส่วนได้เสียมีมติเอกฉันท์ให้กรรมการผู้มีส่วนได้เสียเข้าร่วมชี้แจงข้อมูลในการประชุมเพื่อความรอบคอบในการพิจารณาตัดสินใจ แต่ไม่มีสิทธิออกเสียงหรือตัดสินใจในเรื่องนั้น ๆ

คณะกรรมการบริหารความเสี่ยงมีอำนาจเชิญฝ่ายจัดการ หรือผู้ที่เกี่ยวข้อง หรือผู้ที่เห็นสมควรเข้าร่วมประชุม หรือขอให้ชี้แจงในเรื่องที่เกี่ยวข้องได้

ข้อ 8. การรายงาน

คณะกรรมการบริหารความเสี่ยงต้องรายงานผลการประชุม หรือรายงานอื่นใดที่เห็นว่าคณะกรรมการควรทราบต่อคณะกรรมการเป็นประจำ

ข้อ 9. หน่วยงานบริหารความเสี่ยง

หน่วยงานบริหารความเสี่ยง มีภารกิจเพื่อสนับสนุนคณะกรรมการบริหารความเสี่ยง ดังต่อไปนี้

  1. สนับสนุนการดำเนินงานที่เกี่ยวกับการประชุมคณะกรรมการบริหารความเสี่ยง จัดทำมติ และรายงานการประชุมอย่างครบถ้วนและถูกต้อง รวมทั้งติดตาม แจ้งคำสั่งหรือมติดังกล่าวให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ และดำเนินการ
  2. รายงานความเสี่ยงเชิงกลยุทธ์ ความเสี่ยงระดับองค์กร และความเสี่ยงระดับปฏิบัติการที่มีนัยสำคัญ พร้อมแนวทางบริหารความเสี่ยง และความคืบหน้าของการดำเนินงานเพื่อจัดการความเสี่ยงอย่างสม่ำเสมอและทันท่วงที
  3. รายงานความเสี่ยงสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนต่อคณะกรรมการบริหารความเสี่ยง เพื่อประกอบการกลั่นกรองการลงทุนดังกล่าว
  4. ปฏิบัติการอื่นใดตามที่คณะกรรมการมอบหมายอันเกี่ยวเนื่องกับการบริหารความเสี่ยงของ ปตท.สผ.

ข้อ 10. วันที่มีผลใช้บังคับ

ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 22 พฤศจิกายน 2567

รายงานของคณะกรรมการบริหารความเสี่ยงประจำปี 2566

ปตท.สผ. มุ่งมั่นและให้ความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยง เพื่อให้องค์กรบรรลุวิสัยทัศน์ พันธกิจ เป้าหมาย และกลยุทธ์ ในการสร้างความมั่นคงด้านพลังงานควบคู่ไปกับการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม ในช่วงปี 2566 ปตท.สผ. ยังคงเผชิญกับความท้าทายอย่างต่อเนื่อง ทำให้ต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น สถานการณ์ความไม่สงบในประเทศต่าง ๆ ได้แก่ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา (เมียนมา) และสาธารณรัฐโมซัมบิก (โมซัมบิก) ความผันผวนของราคาน้ำมัน ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนและอัตราดอกเบี้ย ภัยคุกคามด้านความมั่นคงและปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cyber Security) ที่เพิ่มสูงขึ้น ภาวะโลกร้อน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการเกิดภัยธรรมชาติบ่อยครั้งและรุนแรงมากยิ่งขึ้น รวมถึงการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีและนวัตกรรมแบบก้าวกระโดด (Disruptive Technology) คณะกรรมการบริหารความเสี่ยง ประกอบด้วยกรรมการ ปตท.สผ. รวม 4 คน ซึ่งเป็นกรรมการอิสระ 3 คน (ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566) ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการ ปตท.สผ. ให้กำกับดูแลการบริหารความเสี่ยงองค์กรในภาพรวมให้อยู่ภายใต้นโยบายและกรอบการบริหารความเสี่ยงที่กำหนดไว้

ในรอบปี 2566 คณะกรรมการบริหารความเสี่ยงประชุมทั้งสิ้น 14 ครั้ง ซึ่งรวมการประชุมร่วมกับคณะกรรมการตรวจสอบ 1 ครั้ง โดยสรุปสาระสำคัญในการปฏิบัติหน้าที่ได้ดังนี้

  1. กำกับดูแลการบริหารความเสี่ยงเชิงกลยุทธ์ เพื่อตอบสนองปัจจัยแวดล้อมภายในและภายนอกที่เปลี่ยนแปลงไป และเพื่อให้มั่นใจว่า ปตท.สผ. จะสามารถดำเนินการได้ตามแผนกลยุทธ์ Drive Value – การขับเคลื่อนและเพิ่มมูลค่าธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม Decarbonize – การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และ Diversify – การเติบโตในธุรกิจใหม่ โดยได้พิจารณาการขยายธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมอย่างยั่งยืน และการขยายการลงทุนในธุรกิจพลังงานรูปแบบใหม่เพื่อมุ่งสู่การเป็นองค์กรคาร์บอนต่ำ รวมถึงพิจารณากลั่นกรองแผนธุรกิจปี 2567 แผนการลงทุน 5 ปี (ปี 2567-2571) และงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ซึ่งได้ปรับให้สอดรับกับสถานการณ์ต่าง ๆ และสอดคล้องกับทิศทางและนโยบายการดำเนินงานเชิงกลยุทธ์
  2. ติดตามความเสี่ยงของโครงการปัจจุบันและให้คำแนะนำมาตรการจัดการความเสี่ยงเพื่อรองรับสถานการณ์ต่าง ๆ เพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น เช่น ติดตามสถานการณ์ความไม่สงบและแผนการดำเนินงานในประเทศเมียนมาเพื่อรักษาความต่อเนื่องในการผลิตก๊าซธรรมชาติและสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้แก่ประเทศไทยและประเทศเมียนมา ติดตามความเสี่ยงด้านการลงทุนในประเทศมาเลเซีย รวมถึงพิจารณาการขยายระยะเวลาการสำรวจปิโตรเลียมของโครงการต่าง ๆ ในประเทศมาเลเซีย เช่น โครงการมาเลเซีย เอสเค314เอ นอกจากนี้ยังได้พิจารณาการแก้ไขหรือขยายสัญญาปิโตรเลียมสำหรับโครงการเวียดนาม 9-2 โครงการเวียดนาม 16-1 ประเทศเวียดนาม และโครงการนาทูน่า ซี เอ ประเทศอินโดนีเซีย โดยพิจารณาทั้งประเด็นความเสี่ยงควบคู่กับความคุ้มค่าในเชิงพาณิชย์
  3. พิจารณากลั่นกรองความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการขยายการลงทุนในธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม ทั้งการเข้าซื้อสัดส่วนการลงทุน (Farm-in) การขยายการลงทุนด้านการสำรวจในแหล่งใหม่ ๆ (New Exploration) การลดสัดส่วนการลงทุนหรือการยุติการลงทุน เพื่อบริหารการลงทุนในภาพรวมที่สอดคล้องกับเป้าหมาย Net Zero GHG Emissions เช่น การซื้อสัดส่วนในโครงการจี 12/48 ในอ่าวไทย การร่วมลงทุนในแปลงสํารวจมาเลเซีย เอสเค325 ประเทศมาเลเซีย โดยให้ข้อคิดเห็นทั้งประเด็นความเสี่ยงควบคู่กับโอกาสการเพิ่มมูลค่าในการเข้าลงทุน พร้อมทั้งเสนอแนะแนวทางจัดการและติดตามประเด็นความเสี่ยง
  4. พิจารณากลั่นกรองความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการขยายการลงทุนในธุรกิจใหม่ เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานและมุ่งสู่การเป็นองค์กรคาร์บอนต่ำ เช่น การลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทน การลงทุนในพื้นที่สัมปทานการผลิตกรีนไฮโดรเจน โดยให้ข้อคิดเห็นเกี่ยวกับทิศทางการลงทุน ประเด็นความเสี่ยง และโอกาสการเพิ่มมูลค่าในการเข้าลงทุน เช่น การวิเคราะห์ทางเลือกในการเข้าลงทุน การร่วมทุนกับบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญเพื่อเรียนรู้และต่อยอดทางธุรกิจ และการกำหนดกลยุทธ์ที่ชัดเจนในการตัดสินใจถอนตัวออกจากธุรกิจ
  5. พิจารณาอนุมัติแนวทางการทำประกันความเสี่ยงราคาน้ำมัน พร้อมทั้งเสนอแนะให้ปรับปรุงกรอบอำนาจอนุมัติในการทำประกันความเสี่ยงราคาน้ำมัน เพื่อให้มีความคล่องตัวมากขึ้น ตอบสนองต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ แนะนำให้กำหนดบทบาทของ Middle Office เพิ่มเติม เพื่อกำกับดูแลการดำเนินงานให้รัดกุมยิ่งขึ้น สอดรับกับกรอบอำนาจใหม่ ทำให้สามารถลดผลกระทบเชิงลบต่อกระแสเงินสดและผลการดำเนินงานของ ปตท.สผ. จากความผันผวนของราคาน้ำมัน
  6. กำกับให้มีการประเมิน Enterprise Risk Management Maturity Assessment เพื่อสอบทานแนวทางการบริหารความเสี่ยงของ ปตท.สผ. ว่าสอดคล้องกับมาตรฐานสากล เปรียบเทียบกับบริษัทอื่น ๆ ในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน และนำผลที่ได้จากการประเมินไปปรับปรุงพัฒนางานด้านบริหารความเสี่ยงให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

นอกเหนือจากเรื่องข้างต้น คณะกรรมการบริหารความเสี่ยงได้กำกับดูแลการบริหารความเสี่ยงสำคัญขององค์กรอย่างต่อเนื่องให้อยู่ภายในระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ เช่น ความเสี่ยงด้านการสำรวจและผลิตปิโตรเลียม ความเสี่ยงทางการเงิน ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ ความเสี่ยงด้านกฎหมาย ความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม รวมถึงความเสี่ยงที่เกิดขึ้นใหม่ (Emerging Risk) และรายงานผลการประชุมและข้อคิดเห็นให้คณะกรรมการ ปตท.สผ. รับทราบเป็นประจำทุกเดือน

กล่าวโดยสรุป คณะกรรมการบริหารความเสี่ยงได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเป็นอิสระในการกำกับดูแลการบริหารความเสี่ยงของ ปตท.สผ. ตามที่ได้รับมอบหมาย ด้วยความรอบคอบและเต็มความสามารถ ตามขอบเขตอำนาจ และหน้าที่ที่ระบุในระเบียบว่าด้วยคณะกรรมการบริหารความเสี่ยง ส่งผลให้การบริหารความเสี่ยงของ ปตท.สผ. เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ และเป้าหมายขององค์กร เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ ปตท.สผ. ผู้ถือหุ้น และผู้มีส่วนได้เสียอย่างเหมาะสมและยั่งยืน

นายปิติพันธ์ เทพปฏิมากรณ์
(นายปิติพันธ์ เทพปฏิมากรณ์)
ประธานกรรมการบริหารความเสี่ยง