คณะกรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืน
นายพงศธร ทวีสิน
- กรรมการอิสระ
- ประธานกรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืน
- กรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทน
ดร.วิรไท สันติประภพ
- กรรมการอิสระ
- ประธานกรรมการบริหารความเสี่ยง
- กรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืน
ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ
- กรรมการ
- กรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืน
นายดนุชา พิชยนันท์
- กรรมการอิสระ
- กรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืน
ระเบียบว่าด้วยคณะกรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืน (แก้ไขครั้งที่ 9)
สารบัญ
- เจตนารมณ์
- นิยาม
- การแต่งตั้ง
- คุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม
- หน้าที่และความรับผิดชอบ
- วาระและค่าตอบแทน
- การประชุม
- การรายงาน
- วันที่ใช้บังคับ
ข้อ 1. เจตนารมณ์
บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. มุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ (Responsible) และมีความพร้อมที่จะรับมือต่อความท้าทายต่าง ๆ (Resilient) ไปพร้อมกับการสร้างคุณค่าร่วมแก่ผู้มีส่วนได้เสียอย่างต่อเนื่อง พร้อมมุ่งมั่นในการบรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ในปี 2593 โดยขับเคลื่อนผ่านกรอบแนวคิดด้านความยั่งยืน (Sustainability Framework) ซึ่งประกอบด้วย 3 องค์ประกอบหลัก ได้แก่ การพัฒนาสู่องค์กรแห่งความเป็นเลิศ (High Performance Organization - HPO) การกำกับดูแลกิจการที่ดี การบริหารความเสี่ยง และการกำกับการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ (Governance, Risk Management and Compliance - GRC) รวมถึงการสร้างคุณค่าอย่างยั่งยืน (Sustainable Value Creation - SVC) จึงแต่งตั้งคณะกรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืน เพื่อทำหน้าที่กำหนดนโยบาย กำกับ และส่งเสริมการดำเนินงานเพื่อความยั่งยืน ควบคู่ไปกับความรับผิดชอบต่อชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม
ข้อ 2. นิยาม
ในระเบียบนี้
“บริษัท” หมายความว่า บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. และบริษัทย่อยของ ปตท.สผ.
“คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการ ปตท.สผ.
ข้อ 3. การแต่งตั้ง
คณะกรรมการเป็นผู้แต่งตั้งคณะกรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืน (Corporate Governance and Sustainability Committee) ประกอบด้วย กรรมการ ปตท.สผ. อย่างน้อยสามคนเป็นคณะกรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืน และกรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืนส่วนใหญ่ต้องเป็นกรรมการอิสระ
คณะกรรมการจะแต่งตั้งกรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืนคนหนึ่งเป็นประธานกรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืน และให้หัวหน้าหน่วยงานเกี่ยวกับเลขานุการบริษัทเป็นเลขานุการคณะกรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืน
ข้อ 4. คุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม
กรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืน ต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังนี้
- เป็นกรรมการ ปตท.สผ. และไม่ใช่ประธานกรรมการ ปตท.สผ. หรือประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
- สามารถอุทิศเวลาอย่างเพียงพอในการดำเนินงานของคณะกรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืน
- กรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืนที่เป็นกรรมการอิสระ ต้องมีความเป็นอิสระตามการกำกับดูแลกิจการที่ดีของ ปตท.สผ.
ข้อ 5. หน้าที่และความรับผิดชอบ
คณะกรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืน มีหน้าที่และความรับผิดชอบ ดังนี้
- กำหนดเป้าหมาย นโยบาย และแผนการดำเนินงานด้านความยั่งยืนของบริษัท โดยครอบคลุมทั้งด้านการพัฒนาสู่องค์กรแห่งความเป็นเลิศ (High Performance Organization - HPO) การกำกับดูแลกิจการที่ดี การบริหารความเสี่ยง และการกำกับการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ (Governance, Risk Management and Compliance - GRC) และการสร้างคุณค่าอย่างยั่งยืน (Sustainable Value Creation - SVC) และพิจารณางบประมาณด้านความอย่างยั่งยืน เพื่อนำเสนอต่อคณะกรรมการ
- ให้คำแนะนำและส่งเสริมให้การดำเนินงานของบริษัทสอดคล้องกับเจตนารมณ์และกรอบแนวคิดด้านความยั่งยืนประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ และทัดเทียมกับบริษัทชั้นนำ ตลอดจนสนับสนุนให้คณะกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงาน ปฏิบัติตนตามแนวทางเพื่อความยั่งยืนของบริษัทอย่างมีประสิทธิภาพ
- ประเมินและทบทวนเป้าหมาย นโยบาย และแผนการดำเนินงานด้านความยั่งยืนให้เหมาะสมกับสภาวะการดำเนินธุรกิจ สอดคล้องกับกฎหมายหรือแนวปฏิบัติที่ดีในระดับสากล และข้อเสนอแนะของสถาบันต่าง ๆ ตลอดจนพิจารณาข้อเสนอที่เกี่ยวข้องของผู้ถือหุ้นและ การตอบกลับผู้ถือหุ้น
- ดูแล ติดตาม และประเมินผลการดำเนินการด้านความยั่งยืน ให้มีความสมดุลและมีประสิทธิภาพ เกิดประโยชน์สูงสุดกับบริษัทและผู้มีส่วนได้เสีย พร้อมทั้งรายงานความก้าวหน้าของการดำเนินการต่อคณะกรรมการเพื่อทราบเป็นระยะ
- กำหนดนโยบายด้านการกำกับดูแลกิจการที่ดีและจริยธรรมธุรกิจ และนำเสนอคณะกรรมการเพื่อพิจารณาอนุมัติ พร้อมทั้งให้คำแนะนำและส่งเสริมให้มีการปฏิบัติในทุกระดับ และทบทวนให้นโยบายดังกล่าวมีความเหมาะสม สอดคล้องกับกฎหมายและแนวปฏิบัติที่ดีในระดับสากลเป็นประจำทุกปี ตลอดจนดูแลให้มีการประเมินผลและรายงานการปฏิบัติตามนโยบายด้านการกำกับดูแลกิจการที่ดีและจริยธรรมธุรกิจอย่างสม่ำเสมอ
- ดูแลการเปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืนของบริษัทต่อผู้มีส่วนได้เสียในรายงานประจำปีและรายงานความยั่งยืนประจำปีของบริษัท
- พิจารณาทบทวนเกี่ยวกับระเบียบนี้ เพื่อให้มีความเหมาะสมและทันสมัยอยู่เสมอ
- เปิดเผยรายงานการดำเนินงานของคณะกรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืนไว้ในรายงานประจำปีของบริษัท
- ปฏิบัติการอื่นใดตามที่คณะกรรมการมอบหมาย
ในการปฏิบัติหน้าที่ตามข้อนี้ คณะกรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืนอาจหาความเห็นจากที่ปรึกษาอิสระทางวิชาชีพอื่นหรือแต่งตั้งคณะทำงาน เมื่อเห็นว่ามีความจำเป็นและเหมาะสม รวมทั้งให้กรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืนได้รับการอบรมและเสริมสร้างความรู้ในเรื่องที่เกี่ยวข้องต่อการดำเนินงานของคณะกรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืนได้ด้วย โดย ปตท.สผ. เป็นผู้รับค่าใช้จ่าย
คณะกรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืนมีความรับผิดชอบในการปฏิบัติหน้าที่ต่อคณะกรรมการโดยตรง และคณะกรรมการมีความรับผิดชอบในการดำเนินการทุกประการของบริษัทต่อบุคคลภายนอก
ข้อ 6. วาระและค่าตอบแทน
กรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืนมีวาระอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระการดำรงตำแหน่งของกรรมการบริษัท
เมื่อมีกรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืนพ้นจากตำแหน่ง หรือมีเหตุใดที่กรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืนไม่สามารถอยู่ได้จนครบวาระ คณะกรรมการจะต้องแต่งตั้งกรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืนรายใหม่แทน ให้ครบถ้วนอย่างช้าภายใน 3 เดือน นับแต่วันที่จำนวนสมาชิกไม่ครบถ้วน
เมื่อครบกำหนดตามวาระดังกล่าวในวรรคหนึ่ง หากยังมิได้มีการแต่งตั้งกรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืนขึ้นใหม่ ให้กรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืนซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระนั้นอยู่ในตำแหน่ง เพื่อดำเนินงานต่อไปจนกว่ากรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืนซึ่งได้รับแต่งตั้งใหม่เข้ารับหน้าที่
กรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืนซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระอาจได้รับแต่งตั้งอีกได้
นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระแล้ว กรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืนพ้นจากตำแหน่งเมื่อขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้ามตามข้อ 4
คณะกรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืนจะได้รับค่าตอบแทนที่เหมาะสมกับหน้าที่และความรับผิดชอบ โดยได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น และ ปตท.สผ. ต้องเปิดเผยค่าตอบแทนไว้ในรายงานประจำปีของ ปตท.สผ. ด้วย
ข้อ 7. การประชุม
คณะกรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืนต้องประชุมอย่างน้อยปีละสี่ครั้ง
การประชุมคณะกรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืน ต้องมีกรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืนมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืนทั้งหมดจึงจะเป็นองค์ประชุม ถ้าประธานกรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืนไม่อยู่ในที่ประชุม ให้กรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืนที่มาประชุมเลือกกรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืนคนหนึ่งเป็นประธานในที่ประชุม
การวินิจฉัยชี้ขาดของที่ประชุมให้ถือเสียงข้างมาก กรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืนคนหนึ่งให้มีเสียงหนึ่งในการลงคะแนน ถ้าคะแนนเสียงเท่ากันให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด ทั้งนี้ เลขานุการคณะกรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืนไม่มีสิทธิออกเสียงลงคะแนน
กรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืนผู้ใดมีส่วนได้เสียเป็นการส่วนตัวในเรื่องใด หรือมีส่วนได้เสียใด ๆ ในเรื่องที่พิจารณา จะต้องแจ้งให้ที่ประชุมทราบและงดให้ความเห็น งดออกเสียง และออกจากห้องประชุม ยกเว้นที่ประชุมโดยไม่รวมกรรมการที่มีส่วนได้เสีย มีมติเอกฉันท์ให้กรรมการ ผู้มีส่วนได้เสียเข้าร่วมชี้แจงข้อมูลในการประชุมเพื่อความรอบคอบในการพิจารณาตัดสินใจ แต่ไม่มีสิทธิออกเสียงหรือตัดสินใจในเรื่องนั้น ๆ
คณะกรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืนมีอำนาจเชิญฝ่ายจัดการ หรือผู้ที่เกี่ยวข้องหรือผู้ที่เห็นสมควรเข้าร่วมประชุม หรือขอให้ชี้แจงในเรื่องที่เกี่ยวข้องได้
ข้อ 8. การรายงาน
คณะกรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืนต้องรายงานผลการประชุม หรือรายงานอื่นใดที่เห็นว่าคณะกรรมการควรทราบต่อคณะกรรมการเป็นประจำ
ข้อ 9. วันที่ใช้บังคับ
ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 3 พฤษภาคม 2566
รายงานของคณะกรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืน ประจำปี 2566
ปตท.สผ. ให้ความสำคัญกับการทำธุรกิจอย่างยั่งยืน (Sustainability) โดยคำนึงถึงเป้าหมายของประเทศไทยและทิศทางของโลกเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และรองรับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน รวมทั้งยึดมั่นในการกำกับดูแลกิจการที่ดีและจริยธรรมธุรกิจ โดยคณะกรรมการ ปตท.สผ. ได้มอบหมายให้คณะกรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืน ซึ่งประกอบด้วย กรรมการ ปตท.สผ. อย่างน้อย 3 คน และส่วนใหญ่ต้องเป็นกรรมการอิสระ ทำหน้าที่กำกับดูแลบรรษัทภิบาลและส่งเสริมการทำธุรกิจอย่างยั่งยืนของกลุ่ม ปตท.สผ.
ในปี 2566 คณะกรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืนประชุม 3 ครั้ง ได้ให้ข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ต่อฝ่ายจัดการเพื่อนำไปปรับปรุงการปฏิบัติงานและการกำกับดูแลกิจการ โดยสรุปสาระสำคัญของการปฏิบัติหน้าที่ในปี 2566 ได้ดังนี้
- พิจารณาปรับปรุงระเบียบว่าด้วยคณะกรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืน โดยปรับปรุงชื่อคณะกรรมการฯ เป็นคณะกรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืน รวมถึงเพิ่มหน้าที่และความรับผิดชอบของคณะกรรมการฯ ให้ครอบคลุมการพิจารณางบประมาณด้านความยั่งยืน และเน้นย้ำเจตนารมณ์ที่ต้องการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ในปี 2593
- พิจารณาปรับปรุงระเบียบการรับเรื่องร้องเรียนและการให้ความคุ้มครองของกลุ่ม ปตท.สผ. ให้สอดคล้องกับการดำเนินงานภายในบริษัทฯ และเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมในปัจจุบัน
- พิจารณาทบทวนความเหมาะสมของการนำหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีสำหรับบริษัทจดทะเบียนปี 2560 (CG Code) มาปรับใช้ในองค์กรเพื่อสร้างคุณค่าให้เกิดความยั่งยืนของการดำเนินธุรกิจ และรายงานการปฏิบัติตาม CG Code ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์และหลักเกณฑ์ของสากล เพื่อเผยแพร่ต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย (Stakeholders) ในรายงานประจำปี (แบบ 56-1 One Report)
- ส่งเสริมให้การดำเนินกิจการของกลุ่ม ปตท.สผ. และการปฏิบัติงานของกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงาน สอดคล้องกับหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีและจริยธรรมธุรกิจ (CG&BE) ของกลุ่ม ปตท.สผ. ในทุกพื้นที่ปฏิบัติการผ่านกิจกรรมต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เช่น การอบรมเชิงปฏิบัติการ (Workshop) เพื่อทบทวนความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ CG&BE และสามารถนำไปปรับใช้ในการทำงานได้ นอกจากนี้ยังได้สื่อสารและเชิญชวนให้คู่ค้าเข้าร่วมอบรมออนไลน์เรื่องการต่อต้านคอร์รัปชัน เน้นย้ำให้พนักงานตระหนักถึงความสำคัญเรื่องความขัดแย้งทางผลประโยชน์และประเมินตนเองเรื่องความขัดแย้งทางผลประโยชน์อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง การประชาสัมพันธ์นโยบายการงดรับของขวัญ (No Gift Policy) การเชิญชวนพนักงานเข้าร่วมกิจกรรมวันต่อต้านคอร์รัปชัน กิจกรรม PTT Group CG Day 2023 รวมถึงเข้าร่วมการประเมินในโครงการที่เกี่ยวกับการกำกับดูแลต่าง ๆ เพื่อพัฒนามาตรฐานการกำกับดูแลกิจการที่ดีของ ปตท.สผ. นอกจากนี้ยังส่งเสริมให้พนักงานนำหลักการการกำกับดูแลกิจการที่ดี การบริหารความเสี่ยง และการกำกับการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ (GRC) ไปปรับใช้เพื่อสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เข้มแข็งอีกด้วย
- พิจารณาแนวทางลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Decarbonization Pathway and Offsetting Strategy) เพื่อให้มั่นใจว่าการดำเนินงานของบริษัทฯ จะตอบสนองต่อเป้าหมาย EP Net Zero 2050 ที่ได้ประกาศไว้
- ติดตามและให้คำแนะนำในการดำเนินงานตามแผนงานด้านความยั่งยืน โดยแบ่งการดำเนินงานได้ ดังนี้
-
6.1การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (EP Net Zero 2050) และการจัดการบัญชีการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ทั้งการเก็บข้อมูลและการรายงาน (GHG Emissions Accounting & Reporting) เพื่อให้การรายงานเป็นไปอย่างถูกต้อง ได้มาตรฐาน และทันท่วงที นอกจากนี้ยังส่งเสริมให้จัดทำราคาคาร์บอนภายในของบริษัทฯ (Internal Carbon Price) มาใช้ประกอบการตัดสินใจลงทุนในอนาคต (GHG Criteria for Investment Decision Guideline) และติดตามผลกระทบจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกด้วย นอกจากนี้ได้พิจารณาแนวทางการชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยการจัดหาคาร์บอนเครดิตทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว เพื่อลดความเสี่ยง โดยให้ศึกษาวิธีการและผลการดำเนินงานเทียบเคียงกับบริษัทชั้นนำอื่น ๆ เช่น การลงทุนในเทคโนโลยีเพื่อจัดหาคาร์บอนเครดิตจากการเกษตรและกสิกรรม และศึกษากฎหมายและข้อบังคับต่าง ๆ ที่อาจจะส่งผลกระทบกับบริษัทฯ เช่น มาตรการทางภาษีในต่างประเทศ การเปรียบเทียบมาตรฐานการขึ้นทะเบียนคาร์บอนเครดิตจากองค์กรต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อให้มั่นใจว่าการดำเนินงานของบริษัทฯ จะสามารถบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero GHG Emissions)ภายในปี 2593 ได้ตามที่กำหนดไว้
-
6.2โครงการดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon Capture and Storage Progress) ซึ่ง ปตท.สผ. ได้เริ่มดำเนินการศึกษาและออกแบบด้านวิศวกรรม (Front End Engineering Design หรือ FEED) ใน 2 โครงการหลัก ได้แก่ โครงการผลิตก๊าซธรรมชาติอาทิตย์ และโครงการพัฒนาก๊าซธรรมชาติ ลัง เลอบาห์ โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกระบวนการผลิตปิโตรเลียม และเป็นต้นแบบของการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งอาจพัฒนาเป็นธุรกิจใหม่ สอดคล้องกับแผนพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับการควบคุมต้นทุนต่อหน่วย และการดำเนินงานร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจด้วย
-
6.3ติดตามผลการดำเนินงานโครงการเพื่อสังคมปี 2565 และแผนการดำเนินงานปี 2566 โดยส่งเสริมให้ดำเนินโครงการเพื่อสังคมที่เชื่อมโยงกับกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนของบริษัทฯ โดยให้คำนึงถึงการจัดลำดับความสำคัญของโครงการต่าง ๆ ผ่านการประเมินผลการดำเนินงานและผลตอบแทนทางสังคมเพื่อให้เกิดความคุ้มค่าต่อการลงทุน และเป็นประโยชน์ต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เน้นย้ำการลงมือปฏิบัติให้เกิดผลอย่างแท้จริงและยั่งยืน
-
6.4สร้างการรับรู้ต่อสาธารณะเกี่ยวกับดำเนินงานด้านความยั่งยืน ส่งเสริมให้มีกลยุทธ์การสื่อสารที่ชัดเจนและมีประสิทธิผล โดยหาแนวทางใหม่ ๆ ที่สามารถสร้างการรับรู้ของสังคมในวงกว้างและจดจำองค์กรได้ จากผลการดำเนินด้านความยั่งยืนต่าง ๆ เช่น โครงการปลูกป่า และกลยุทธ์ทะเลเพื่อชีวิต (Ocean for Life)
-
6.5ติดตามผลการประเมินด้านความยั่งยืนในมิติสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี (ESG) เช่น MSCI, CDP, Sustainalytics, FTSE4Good, Moody’s ESG และดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ประจำปี 2565 และแนวทางการปรับปรุงการดำเนินงานด้าน ESG โดยรวม โดยให้ศึกษาเกณฑ์การประเมินด้านความยั่งยืนของสถาบันที่น่าเชื่อถือต่าง ๆ รวมถึงศึกษาความสนใจของนักลงทุนที่มีต่อการดำเนินงานด้าน ESG เพิ่มเติม เพื่อพัฒนาการดำเนินงานของบริษัทฯ ให้สอดคล้องต่อความต้องการของนักลงทุนในอนาคต
-
- ส่งเสริมให้จัดกิจกรรมเยี่ยมชมกิจการสำหรับผู้ถือหุ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเข้าใจในธุรกิจและความมั่นใจในการลงทุนกับ ปตท.สผ. รวมถึงสร้างสัมพันธภาพที่ดีระยะยาวระหว่างผู้ถือหุ้นกับบริษัทฯ
คณะกรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืนได้รายงานผลการประชุมต่อคณะกรรมการ ปตท.สผ. ทราบ เป็นประจำอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ในรอบปี 2566 คณะกรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืนได้ปฏิบัติงานตามที่ได้รับมอบหมายด้วยความรอบคอบ เต็มความสามารถ และเป็นอิสระ ในการให้ความเห็นเพื่อยกระดับและพัฒนาการกำกับดูแลกิจการที่ดีและจริยธรรมธุรกิจขององค์กรให้ดียิ่งขึ้น และเพื่อประโยชน์สูงสุดของ ปตท.สผ. ผู้ถือหุ้นทุกราย และผู้มีส่วนได้เสียอื่น ๆ อย่างเหมาะสม
วิรไท สันติประภพ
(นายวิรไท สันติประภพ)
กรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืน
เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ
(นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ)
กรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืน