ระเบียบว่าด้วยคณะกรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืน (แก้ไขครั้งที่ 9)

สารบัญ

  1. เจตนารมณ์
  2. นิยาม
  3. การแต่งตั้ง
  4. คุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม
  5. หน้าที่และความรับผิดชอบ
  6. วาระและค่าตอบแทน
  7. การประชุม
  8. การรายงาน
  9. วันที่ใช้บังคับ

ข้อ 1. เจตนารมณ์

บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. มุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ (Responsible) และมีความพร้อมที่จะรับมือต่อความท้าทายต่าง ๆ (Resilient) ไปพร้อมกับการสร้างคุณค่าร่วมแก่ผู้มีส่วนได้เสียอย่างต่อเนื่อง พร้อมมุ่งมั่นในการบรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ในปี 2593 โดยขับเคลื่อนผ่านกรอบแนวคิดด้านความยั่งยืน (Sustainability Framework) ซึ่งประกอบด้วย 3 องค์ประกอบหลัก ได้แก่ การพัฒนาสู่องค์กรแห่งความเป็นเลิศ (High Performance Organization - HPO) การกำกับดูแลกิจการที่ดี การบริหารความเสี่ยง และการกำกับการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ (Governance, Risk Management and Compliance - GRC) รวมถึงการสร้างคุณค่าอย่างยั่งยืน (Sustainable Value Creation - SVC) จึงแต่งตั้งคณะกรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืน เพื่อทำหน้าที่กำหนดนโยบาย กำกับ และส่งเสริมการดำเนินงานเพื่อความยั่งยืน ควบคู่ไปกับความรับผิดชอบต่อชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม

ข้อ 2. นิยาม

ในระเบียบนี้
“บริษัท” หมายความว่า บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. และบริษัทย่อยของ ปตท.สผ.
“คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการ ปตท.สผ.

ข้อ 3. การแต่งตั้ง

คณะกรรมการเป็นผู้แต่งตั้งคณะกรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืน (Corporate Governance and Sustainability Committee) ประกอบด้วย กรรมการ ปตท.สผ. อย่างน้อยสามคนเป็นคณะกรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืน และกรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืนส่วนใหญ่ต้องเป็นกรรมการอิสระ

คณะกรรมการจะแต่งตั้งกรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืนคนหนึ่งเป็นประธานกรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืน และให้หัวหน้าหน่วยงานเกี่ยวกับเลขานุการบริษัทเป็นเลขานุการคณะกรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืน

ข้อ 4. คุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม

กรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืน ต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังนี้

  1. เป็นกรรมการ ปตท.สผ. และไม่ใช่ประธานกรรมการ ปตท.สผ. หรือประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
  2. สามารถอุทิศเวลาอย่างเพียงพอในการดำเนินงานของคณะกรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืน
  3. กรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืนที่เป็นกรรมการอิสระ ต้องมีความเป็นอิสระตามการกำกับดูแลกิจการที่ดีของ ปตท.สผ.

ข้อ 5. หน้าที่และความรับผิดชอบ

คณะกรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืน มีหน้าที่และความรับผิดชอบ ดังนี้

  1. กำหนดเป้าหมาย นโยบาย และแผนการดำเนินงานด้านความยั่งยืนของบริษัท โดยครอบคลุมทั้งด้านการพัฒนาสู่องค์กรแห่งความเป็นเลิศ (High Performance Organization - HPO) การกำกับดูแลกิจการที่ดี การบริหารความเสี่ยง และการกำกับการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ (Governance, Risk Management and Compliance - GRC) และการสร้างคุณค่าอย่างยั่งยืน (Sustainable Value Creation - SVC) และพิจารณางบประมาณด้านความอย่างยั่งยืน เพื่อนำเสนอต่อคณะกรรมการ
  2. ให้คำแนะนำและส่งเสริมให้การดำเนินงานของบริษัทสอดคล้องกับเจตนารมณ์และกรอบแนวคิดด้านความยั่งยืนประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ และทัดเทียมกับบริษัทชั้นนำ ตลอดจนสนับสนุนให้คณะกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงาน ปฏิบัติตนตามแนวทางเพื่อความยั่งยืนของบริษัทอย่างมีประสิทธิภาพ
  3. ประเมินและทบทวนเป้าหมาย นโยบาย และแผนการดำเนินงานด้านความยั่งยืนให้เหมาะสมกับสภาวะการดำเนินธุรกิจ สอดคล้องกับกฎหมายหรือแนวปฏิบัติที่ดีในระดับสากล และข้อเสนอแนะของสถาบันต่าง ๆ ตลอดจนพิจารณาข้อเสนอที่เกี่ยวข้องของผู้ถือหุ้นและ การตอบกลับผู้ถือหุ้น
  4. ดูแล ติดตาม และประเมินผลการดำเนินการด้านความยั่งยืน ให้มีความสมดุลและมีประสิทธิภาพ เกิดประโยชน์สูงสุดกับบริษัทและผู้มีส่วนได้เสีย พร้อมทั้งรายงานความก้าวหน้าของการดำเนินการต่อคณะกรรมการเพื่อทราบเป็นระยะ
  5. กำหนดนโยบายด้านการกำกับดูแลกิจการที่ดีและจริยธรรมธุรกิจ และนำเสนอคณะกรรมการเพื่อพิจารณาอนุมัติ พร้อมทั้งให้คำแนะนำและส่งเสริมให้มีการปฏิบัติในทุกระดับ และทบทวนให้นโยบายดังกล่าวมีความเหมาะสม สอดคล้องกับกฎหมายและแนวปฏิบัติที่ดีในระดับสากลเป็นประจำทุกปี ตลอดจนดูแลให้มีการประเมินผลและรายงานการปฏิบัติตามนโยบายด้านการกำกับดูแลกิจการที่ดีและจริยธรรมธุรกิจอย่างสม่ำเสมอ
  6. ดูแลการเปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืนของบริษัทต่อผู้มีส่วนได้เสียในรายงานประจำปีและรายงานความยั่งยืนประจำปีของบริษัท
  7. พิจารณาทบทวนเกี่ยวกับระเบียบนี้ เพื่อให้มีความเหมาะสมและทันสมัยอยู่เสมอ
  8. เปิดเผยรายงานการดำเนินงานของคณะกรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืนไว้ในรายงานประจำปีของบริษัท
  9. ปฏิบัติการอื่นใดตามที่คณะกรรมการมอบหมาย

ในการปฏิบัติหน้าที่ตามข้อนี้ คณะกรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืนอาจหาความเห็นจากที่ปรึกษาอิสระทางวิชาชีพอื่นหรือแต่งตั้งคณะทำงาน เมื่อเห็นว่ามีความจำเป็นและเหมาะสม รวมทั้งให้กรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืนได้รับการอบรมและเสริมสร้างความรู้ในเรื่องที่เกี่ยวข้องต่อการดำเนินงานของคณะกรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืนได้ด้วย โดย ปตท.สผ. เป็นผู้รับค่าใช้จ่าย

คณะกรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืนมีความรับผิดชอบในการปฏิบัติหน้าที่ต่อคณะกรรมการโดยตรง และคณะกรรมการมีความรับผิดชอบในการดำเนินการทุกประการของบริษัทต่อบุคคลภายนอก

ข้อ 6. วาระและค่าตอบแทน

กรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืนมีวาระอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระการดำรงตำแหน่งของกรรมการบริษัท

เมื่อมีกรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืนพ้นจากตำแหน่ง หรือมีเหตุใดที่กรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืนไม่สามารถอยู่ได้จนครบวาระ คณะกรรมการจะต้องแต่งตั้งกรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืนรายใหม่แทน ให้ครบถ้วนอย่างช้าภายใน 3 เดือน นับแต่วันที่จำนวนสมาชิกไม่ครบถ้วน

เมื่อครบกำหนดตามวาระดังกล่าวในวรรคหนึ่ง หากยังมิได้มีการแต่งตั้งกรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืนขึ้นใหม่ ให้กรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืนซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระนั้นอยู่ในตำแหน่ง เพื่อดำเนินงานต่อไปจนกว่ากรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืนซึ่งได้รับแต่งตั้งใหม่เข้ารับหน้าที่

กรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืนซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระอาจได้รับแต่งตั้งอีกได้

นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระแล้ว กรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืนพ้นจากตำแหน่งเมื่อขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้ามตามข้อ 4

คณะกรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืนจะได้รับค่าตอบแทนที่เหมาะสมกับหน้าที่และความรับผิดชอบ โดยได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น และ ปตท.สผ. ต้องเปิดเผยค่าตอบแทนไว้ในรายงานประจำปีของ ปตท.สผ. ด้วย

ข้อ 7. การประชุม

คณะกรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืนต้องประชุมอย่างน้อยปีละสี่ครั้ง

การประชุมคณะกรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืน ต้องมีกรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืนมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืนทั้งหมดจึงจะเป็นองค์ประชุม ถ้าประธานกรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืนไม่อยู่ในที่ประชุม ให้กรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืนที่มาประชุมเลือกกรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืนคนหนึ่งเป็นประธานในที่ประชุม

การวินิจฉัยชี้ขาดของที่ประชุมให้ถือเสียงข้างมาก กรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืนคนหนึ่งให้มีเสียงหนึ่งในการลงคะแนน ถ้าคะแนนเสียงเท่ากันให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด ทั้งนี้ เลขานุการคณะกรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืนไม่มีสิทธิออกเสียงลงคะแนน

กรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืนผู้ใดมีส่วนได้เสียเป็นการส่วนตัวในเรื่องใด หรือมีส่วนได้เสียใด ๆ ในเรื่องที่พิจารณา จะต้องแจ้งให้ที่ประชุมทราบและงดให้ความเห็น งดออกเสียง และออกจากห้องประชุม ยกเว้นที่ประชุมโดยไม่รวมกรรมการที่มีส่วนได้เสีย มีมติเอกฉันท์ให้กรรมการ ผู้มีส่วนได้เสียเข้าร่วมชี้แจงข้อมูลในการประชุมเพื่อความรอบคอบในการพิจารณาตัดสินใจ แต่ไม่มีสิทธิออกเสียงหรือตัดสินใจในเรื่องนั้น ๆ

คณะกรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืนมีอำนาจเชิญฝ่ายจัดการ หรือผู้ที่เกี่ยวข้องหรือผู้ที่เห็นสมควรเข้าร่วมประชุม หรือขอให้ชี้แจงในเรื่องที่เกี่ยวข้องได้

ข้อ 8. การรายงาน

คณะกรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืนต้องรายงานผลการประชุม หรือรายงานอื่นใดที่เห็นว่าคณะกรรมการควรทราบต่อคณะกรรมการเป็นประจำ

ข้อ 9. วันที่ใช้บังคับ

ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 3 พฤษภาคม 2566

รายงานของคณะกรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืน

ปตท.สผ. ให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน (Sustainability) โดยคำนึงถึงเป้าหมายของประเทศไทยและทิศทางของโลกในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมถึงให้องค์กรสามารถขับเคลื่อนธุรกิจโดยให้สอดรับกับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน พร้อมทั้งยึดมั่นในการกำกับดูแลกิจการที่ดีและจริยธรรมธุรกิจ

คณะกรรมการ ปตท.สผ. มอบหมายให้คณะกรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืนทำหน้าที่กำหนดเป้าหมาย นโยบาย และแผนงานที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืน ครอบคลุมด้านการกำกับดูแลกิจการที่ดี การบริหารความเสี่ยง และการกำกับ การปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ (Governance, Risk Management, and Compliance หรือ GRC) เพื่อขับเคลื่อนองค์กรให้ดำเนินธุรกิจและเติบโตอย่างยั่งยืนคณะกรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืนประกอบด้วยกรรมการ รวม 4 คน โดยเป็นกรรมการอิสระ 3 คน ได้แก่ นายพงศธร ทวีสิน นายวิรไท สันติประภพ นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ และนายดนุชา พิชยนันท์

ในปี 2567 คณะกรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืนมีการประชุมรวม 4 ครั้ง และกรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืนทั้งหมดได้เข้าร่วมประชุมครบทุกครั้ง หัวข้อสำคัญของการประชุมและผลการปฏิบัติหน้าที่ สรุปได้ดังนี้

  1. ปรับปรุงระเบียบการกำกับดูแลกิจการที่ดีและจริยธรรมธุรกิจของกลุ่ม ปตท.สผ. (Good Corporate Governance and Business Ethics หรือ CG&BE) ให้ทันสมัยและสอดคล้องกับหลักการมาตรฐานสากลในปัจจุบัน เช่น หลักการ Organisation for Economic Co-operation and Development Principles (OECD) 2023, หลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีสำหรับบริษัทจดทะเบียนปี 2560 (CG Code 2017) ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เป็นต้น รวมถึงการอ้างอิงมาตรฐานสากลที่นำมาปรับใช้กับระบบการบริหารจัดการด้าน CG&BE ของ ปตท.สผ. เช่น หลักสากล 10 ประการของข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (UN Global Compact) เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อให้ CG&BE ยังคงเป็นส่วนสำคัญใน การส่งเสริมให้ ปตท.สผ. สามารถบรรลุเจตนารมณ์และกรอบแนวคิดด้านความยั่งยืน (Sustainability Framework) ด้านการกำกับดูแลกิจการที่ดี การบริหารความเสี่ยง และการกำกับการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ (Governance, Risk Management, and Compliance หรือ GRC)
  2. ทบทวนเป้าหมายและแผนการดำเนินงานของ GRC (GRC Strategy, Target, and Roadmap) ให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากลเพื่อให้มั่นใจว่าการดำเนินงานด้าน GRC สามารถส่งเสริมให้กระบวนการดำเนินงานในบริษัทฯ บรรลุวัตถุประสงค์ตามที่กำหนดไว้อย่างยั่งยืน พร้อมส่งเสริมให้มีการกำหนดเป้าหมายและแผนงานเพื่อขับเคลื่อนการสร้างวัฒนธรรมด้าน GRC ที่เข้มแข็ง เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายตามที่กำหนดไว้
  3. ส่งเสริมให้การดำเนินงานในทุกพื้นที่ปฏิบัติการของ ปตท.สผ. รวมถึงการปฏิบัติงานของกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงาน สอดคล้องกับการกำกับดูแลกิจการที่ดีและจริยธรรมธุรกิจของกลุ่ม ปตท.สผ. (CG&BE) ผ่านกิจกรรมต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เช่น การอบรมเชิงปฏิบัติการ (Workshop) เพื่อทบทวนความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ CG&BE เพื่อให้สามารถนำไปปรับใช้ในการทำงานได้ นอกจากนี้ยังได้สื่อสารและเชิญชวนให้คู่ค้าเข้าร่วมอบรมออนไลน์เรื่องการต่อต้านคอร์รัปชัน เน้นย้ำให้พนักงานตระหนักถึงความสำคัญเรื่องความขัดแย้งทางผลประโยชน์และประเมินตนเองเรื่องความขัดแย้งทางผลประโยชน์อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ประชาสัมพันธ์นโยบายการงดรับของขวัญ (No Gift Policy) เชิญชวนพนักงานเข้าร่วมกิจกรรมวันต่อต้านคอร์รัปชัน กิจกรรม PTT Group CG Day 2024 รวมถึงเข้าร่วมการประเมินในโครงการที่เกี่ยวกับการกำกับดูแลต่าง ๆ เพื่อพัฒนามาตรฐานการกำกับดูแลกิจการที่ดีของ ปตท.สผ. นอกจากนี้ยังส่งเสริมให้พนักงานนำหลักการ GRC ไปปรับใช้เพื่อสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เข้มแข็งอีกด้วย
  4. พิจารณา ติดตาม และให้คำแนะนำในการดำเนินงานตามแผนงานด้านความยั่งยืน โดยแบ่งการดำเนินงาน ดังนี้
    1. 4.1
      พิจารณาแผนงานและงบประมาณด้านความยั่งยืนปี 2568 เพื่อความต่อเนื่องของการดำเนินงานสอดรับตามประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืนของบริษัทฯ รวมถึงเป้าหมายระยะยาวด้านความยั่งยืนครอบคลุมมิติสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี (ESG) ตามที่ได้กำหนดไว้ โดยเฉพาะแผนงานภายใต้กลยุทธ์หลักการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Decarbonization) เพื่อบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Greenhouse Gas Emissions) ภายในปี 2593
    2. 4.2
      พิจารณาและให้คำแนะนำเกี่ยวกับการบริหารจัดการการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นไปตามแนวทางการดำเนินงานที่ได้กำหนดไว้ เช่น พิจารณาการปรับปรุงแนวทางการพิจารณาผลกระทบการปล่อยก๊าซเรือนกระจก สำหรับการใช้ประกอบการตัดสินใจในการลงทุนธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม (Exploration and Production หรือ E&P) ซึ่งใช้หลักการของราคาคาร์บอนภายในของบริษัทฯ (Internal Carbon Price หรือ ICP) รวมถึงติดตามผลของการใช้แนวทางดังกล่าว พิจารณาแนวทางการกำกับดูแลและบริหารจัดการคาร์บอนเครดิต และการกำหนดเป้าหมายและกลยุทธ์ในการสร้างคาร์บอนเครดิต Portfolio ผ่านแนวทางต่าง ๆ เช่น การปลูกและดูแลรักษาป่า การดำเนินโครงการร่วมกับหน่วยงานภายนอก รวมทั้งการจัดหาคาร์บอนเครดิตผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ โดยให้มีโครงสร้างในการกำกับดูแลให้ชัดเจน นอกจากนี้ยังได้เสนอแนะให้ปรับปรุงการตรวจวัด การรายงานการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และการทวนสอบข้อมูลให้มีความรัดกุม และจัดทำแผนงานด้านการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ชัดเจน เพื่อเตรียมรับการเปลี่ยนแปลงทิศทางของโลกต่อการใช้พลังงานฟอสซิล รวมถึงให้ติดตามกฎ ระเบียบ และข้อบังคับใหม่ ๆ ที่จะเกิดขึ้น โดยให้นำเสนอความคืบหน้าเป็นประจำทุกไตรมาส เพื่อให้มั่นใจว่าการดำเนินงานของบริษัทฯ จะสามารถบรรลุเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ได้แก่ การลดปริมาณความเข้มของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงให้ได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 ภายในปี 2573 และร้อยละ 50 ภายในปี 2583 จากปีฐาน 2563 และเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี 2593
    3. 4.3
      ติดตามผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืนเพื่อให้สอดคล้องกับแผนงาน และเป้าหมายรายปีที่กำหนดไว้ เป็นรายไตรมาส พร้อมทั้งส่งเสริมให้มีการสื่อสารเพื่อสร้างการรับรู้ต่อสาธารณะเกี่ยวกับดำเนินงานด้านความยั่งยืนอย่างชัดเจนและเกิดประสิทธิผล โดยให้พิจารณาหาแนวทางใหม่ ๆ ที่สามารถสร้างการรับรู้ของสังคมในวงกว้างให้สามารถจดจำโครงการขององค์กรได้ เช่น การประชาสัมพันธ์โครงการแพลตฟอร์มข้อมูลวิทยาศาสตร์ทางทะเล (PTTEP Ocean Data Platform) เพื่อการใช้ประโยชน์จากข้อมูลในการศึกษาและการวิจัย การสื่อสารเรื่องความสำคัญและประโยชน์ของการดำเนินโครงการการดักจับและกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon Capture and Storage หรือ CCS) ต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศไทย เป็นต้น นอกจากนี้ยังให้คำแนะนำต่อผลการดำเนินด้านความยั่งยืนต่าง ๆ เช่น การดำเนินงานภายใต้กลยุทธ์ทะเลเพื่อชีวิต (Ocean for Life) โดยให้เพิ่มเติมแผนงานที่เกี่ยวข้อง การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่จะเกี่ยวข้องกับทะเล (Adaptation Plan) และหาโอกาสขยายการสร้างฐานข้อมูลและการใช้ข้อมูลใน PTTEP Ocean Data Platform รวมกับแพลตฟอร์มสากลอื่น ๆ เพื่อให้เกิดเป็นงานวิจัย และองค์ความรู้ใหม่ ๆ ของประเทศ รวมถึงการบริหารจัดการของเสียเพื่อบรรลุเป้าหมายปราศจากของเสียที่กำจัดโดยวิธีการฝังกลบ (Zero Waste to Landfill) สำหรับโครงการในประเทศไทยภายในปี 2568 อีกด้วย
    4. 4.4
      ติดตามผลการดำเนินงานโครงการเพื่อสังคมปี 2566 และแผนการดำเนินงานปี 2567 โดยส่งเสริมให้ดำเนินโครงการเพื่อสังคมที่เชื่อมโยงกับกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนของบริษัทฯ โดยให้คำนึงถึงการจัดลำดับความสำคัญของโครงการต่าง ๆ ผ่านการประเมินผลการดำเนินงานและผลตอบแทนทางสังคมเพื่อให้เกิดความคุ้มค่าต่อการลงทุน เป็นประโยชน์ต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม และเหมาะสมกับสภาวะแวดล้อมของโครงการทั้งในและต่างประเทศที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ โดยเน้นย้ำการลงมือปฏิบัติให้เกิดผลอย่างแท้จริงและยั่งยืน
    5. 4.5
      พิจารณาการเปิดเผยข้อมูลและทบทวนการรายงานผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืนตามประเด็นความยั่งยืนขององค์กร รวมถึงข้อมูลด้านการกำกับดูแลกิจการที่ดีและจริยธรรมธุรกิจในแบบแสดงรายการข้อมูลประจำปี 2567 (แบบ 56-1 One Report) และเสนอแนะให้มีการทวนสอบข้อมูลให้มีความถูกต้องและน่าเชื่อถือจากผู้ทวนสอบภายนอกอีกด้วย
  5. ส่งเสริมให้จัดกิจกรรมเยี่ยมชมกิจการสำหรับผู้ถือหุ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเข้าใจในธุรกิจและความมั่นใจในการลงทุนกับ ปตท.สผ. รวมถึงสร้างสัมพันธภาพที่ดีระยะยาวระหว่างผู้ถือหุ้นกับบริษัทฯ

คณะกรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืนปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็มความสามารถด้วยความรอบคอบ และเป็นอิสระเพื่อยกระดับและพัฒนาการกำกับดูแลกิจการที่ดีและจริยธรรมธุรกิจขององค์กรให้ดียิ่งขึ้น รวมถึงส่งเสริมการดำเนินงานเพื่อความอย่างยั่งยืนของกลุ่ม ปตท.สผ. เพื่อประโยชน์สูงสุดของบริษัทฯ ผู้ถือหุ้นทุกรายและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่น ๆ อย่างเหมาะสม ทั้งนี้ ได้รายงานผลการปฏิบัติงานให้คณะกรรมการ ปตท.สผ. ทราบเป็นประจำทุกไตรมาส

นายพงศธร ทวีสิน
(นายพงศธร ทวีสิน)
ประธานกรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืน