ข่าวประชาสัมพันธ์

ปตท.สผ. เผยกำไรสุทธิครึ่งปีแรก 569 ล้านดอลลาร์ สรอ. เตรียมจ่ายเงินปันผล 1.50 บาทต่อหุ้น พร้อมรุกธุรกิจ LNG

27 ก.ค. 2560

  • ต้นทุนต่อหน่วยปรับลดเหลือ 28.29 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ จากการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง กระแสเงินสดจากการดำเนินงานแข็งแกร่ง พร้อมลงทุนเพื่อรักษาระดับการผลิต
  • จัดตั้งบริษัท PTTGL ร่วมกับ ปตท. เพื่อรุกธุรกิจ LNG โดยเริ่มด้วยการเข้าร่วมลงทุนกับ Petronas ในโรงงาน LNG
  • พร้อมดูแลผู้ถือหุ้นด้วยการจ่ายเงินปันผลหุ้นละ 1.50 บาท                                                                                                         

นายสมพร ว่องวุฒิพรชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท.สผ. เปิดเผยว่า ได้ประกาศกำไรสุทธิสำหรับครึ่งปีแรกที่ 569 ล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา (ดอลลาร์ สรอ.) และจ่ายเงินปันผลที่อัตราหุ้นละ 1.50 บาท นอกจากนี้ ปตท.สผ. และ ปตท. ได้จัดตั้งบริษัท PTT Global LNG (PTTGL) เพื่อรุกธุรกิจ LNG ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตตามความต้องการใช้พลังงานของประเทศ ซึ่งโครงการแรกเป็นการลงทุนในโรงงานแปรรูปก๊าซธรรมชาติเป็นก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG Liquefaction) ในประเทศมาเลเซีย

สำหรับในครึ่งแรกของปี 2560 ปตท.สผ. มีรายได้รวม 2,121 ล้านดอลลาร์ สรอ. (73,693 ล้านบาท) ปรับลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยของบริษัทปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 38.04 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ สูงขึ้นประมาณร้อยละ 6 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อนตามราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น ในขณะที่ปริมาณการขายปิโตรเลียมเฉลี่ยปรับตัวลดลงมาร้อยละ 10 อยู่ที่ 292,709 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน จาก 325,257 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน โดยหลักมาจากปริมาณการขายที่ลดลงของโครงการพีทีทีอีพี ออสตราเลเชีย การหยุดผลิตชั่วคราวของโครงการเอส 1 จากปัญหาข้อกฎหมายเรื่อง ส.ป.ก. รวมถึงผลกระทบจากการเรียกรับก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยที่ลดลงจากการที่ราคา LNG ยังคงอยู่ในระดับต่ำ ทั้งนี้ ปตท.สผ. ยังสามารถลดต้นทุนการผลิตได้ตามเป้าหมายที่ 28.29 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ ประกอบกับค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นส่งผลให้ผลประกอบการงวด 6 เดือนแรกของปี 2560 ปตท.สผ. มีกำไรสุทธิ 569 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 19,820 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 100 เมื่อเทียบกับครึ่งแรกของปี 2559 ที่มีกำไรสุทธิ 232 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 8,286 ล้านบาท) โดยเป็นกำไรจากการดำเนินงานตามปกติ (Recurring Net Income) จำนวน 378 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 13,154 ล้านบาท) และกำไรจากรายการที่ไม่ใช่การดำเนินงานปกติ (Non-recurring) จำนวน 191 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 6,666 ล้านบาท)          

จากผลการดำเนินงานข้างต้นส่งผลให้ฐานะทางการเงินของ ปตท.สผ. ยังแข็งแกร่ง โดยมีอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษีและค่าเสื่อมราคา (EBITDA Margin) สูงถึงร้อยละ 71 และมีสินทรัพย์ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2560 จำนวน 18,872 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 641,314 ล้านบาท) โดยเป็นส่วนของเงินสดและเงินลงทุนระยะสั้นรวม 4,206 ล้านดอลลาร์ (เทียบเท่า 142,913 ล้านบาท) ในขณะที่มีหนี้สินที่มีดอกเบี้ยเพียง 2,874 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 97,665 ล้านบาท)

“ปตท.สผ. ได้ติดตามสถานการณ์ภาวะตลาดและเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด และพยายามอย่างเต็มที่ในการเพิ่มกำลังการผลิตในส่วนของน้ำมันดิบและคอนเดนเสทเพื่อทดแทนปริมาณการขายที่ลดลงจากโครงการในอ่าวไทย พร้อมทั้งเร่งการสำรวจ ขุดเจาะ พัฒนาโครงการที่มีอยู่ ได้แก่ โครงการโมซัมบิก โรวูมา ออฟชอร์ แอเรีย วัน โครงการแอลจีเรีย ฮาสสิ เบอร์ ราเคซ และแหล่งอุบลในโครงการคอนแทร็ค 4 รวมทั้งเตรียมความพร้อมในการประมูลแหล่งสัมปทานในอ่าวไทยที่กำลังจะหมดอายุทั้งในส่วนของแหล่งบงกช และแหล่งเอราวัณที่ขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการเจรจากับผู้ดำเนินการ ซึ่งทั้งหมดนี้เพื่อเพิ่มปริมาณการผลิตและปริมาณสำรองทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดย ปตท.สผ. ยังคงมุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพและควบคุมต้นทุนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับบริษัทน้ำมันอื่นได้” นายสมพรกล่าว

นอกจากนี้ ปตท.สผ. ได้เร่งขยายโอกาสการลงทุนอย่างต่อเนื่องตามกลยุทธ์ของบริษัทที่มองหาโอกาสการลงทุนใน LNG Value Chain ซึ่งเห็นได้จากการที่ ปตท.สผ. และ ปตท. ร่วมจัดตั้งบริษัท PTTGL เพื่อรุกธุรกิจ LNG โดยโครงการแรกเป็นการเข้าซื้อสัดส่วนร้อยละ 10 จาก Petronas ในโครงการ MLNG Train 9 ประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นโรงงาน LNG Liquefaction ที่มีกำลังการผลิตปัจจุบัน 3.6 ล้านตันต่อปี และเป็นการสร้างฐานทางธุรกิจสำหรับรองรับการขยายการลงทุนในประเทศมาเลเซียในอนาคต รวมถึงแสวงหาโอกาสการลงทุนในแหล่งปิโตรเลียมอื่นๆ

ปันผลระหว่างกาล 1.50 บาทต่อหุ้น
จากผลประกอบการและสถานะทางการเงินดังกล่าว ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2560 ได้อนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล สำหรับผลการดำเนินงานของ ปตท.สผ. งวด 6 เดือนแรกปี 2560 ในอัตราหุ้นละ 1.50 บาท ซึ่งการพิจารณาจ่ายเงินปันผลสอดคล้องกับนโยบายการให้ผลตอบแทนที่มั่นคงแก่ผู้ถือหุ้น โดยบริษัทกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นเพื่อสิทธิในการรับเงินปันผลในวันที่ 11 สิงหาคม 2560 และจ่ายเงินปันผลในวันที่ 25 สิงหาคม 2560

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อแผนกบริหารงานสื่อมวลชน
ต้องจิตร พงศ์อรพินท์  โทร. 02 537 4587              
กมลวรรณ จินตรัตน์  โทร. 02- 537 4381     
นลิน วิบูลย์ชาติ  โทร. 02 537 4834             
E-mail: PTTEPCorpCom@pttep.com

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความก้าวหน้าในโครงการที่สำคัญของ ปตท.สผ. ในไตรมาส 2 ปี 2560
ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2560 ปตท.สผ. มีโครงการรวมทั้งสิ้น 37 โครงการ ใน 10 ประเทศ โดยความก้าวหน้าในการดำเนินกิจกรรมในโครงการหลัก ๆ มีดังนี้

โครงการในประเทศไทย  มีปริมาณการขายเฉลี่ยรวมที่ประมาณ 212,963 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน คิดเป็นร้อยละ 76 ของปริมาณการขายเฉลี่ยทั้งหมดของบริษัท ปริมาณการขายในไตรมาสนี้ลดลงจากไตรมาสก่อนเนื่องจากมีการปิดซ่อมบำรุงประจำปีตามแผนของโครงการบงกช และการหยุดผลิตชั่วคราวในพื้นที่ ส.ป.ก. ของโครงการเอส 1

โครงการในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีปริมาณการขายเฉลี่ยรวมในไตรมาส 2 ที่ 60,487 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน หรือคิดเป็นร้อยละ 21 ของปริมาณการขายทั้งหมดของบริษัท โดยมีความก้าวหน้าที่สำคัญของโครงการต่างๆ เช่น โครงการซอติก้า สามารถรักษาปริมาณการผลิตได้คงที่ตามเป้าหมาย และอยู่ระหว่างการเจาะหลุมผลิตเพิ่มเติมสำหรับเฟส 1B และการก่อสร้างแท่นหลุมผลิตเฟส 1C อีก 4 แท่น เพื่อคงกำลังการผลิตในอนาคต โครงการเวียดนาม 16-1 เริ่มดำเนินการผลิตจากหลุมพัฒนาเพิ่มเติมอีก 1 หลุม และอยู่ระหว่างดำเนินการเจาะหลุมประเมินผลจำนวน 1 หลุม เพื่อรักษาระดับการผลิตตามเป้าหมาย โครงการเมียนมาร์ เอ็ม 3 อยู่ระหว่างพิจารณารูปแบบการพัฒนาที่เหมาะสม พร้อมประเมินศักยภาพปิโตรเลียมและศักยภาพเชิงพาณิชย์ โครงการเมียนมาร์ เอ็ม 11 และโครงการเมียนมาร์ MD-7 อยู่ระหว่างการศึกษาโครงสร้างทางธรณีวิทยาและประเมินศักยภาพของแหล่งกักเก็บ โครงการเมียนมาร์ เอ็มโอจีอี 3 ได้เสร็จสิ้นการสำรวจคลื่นไหวสะเทือนแบบ 2 มิติ และ 3 มิติ โดยอยู่ระหว่างการประมวลผลข้อมูลเพื่อศึกษาโครงสร้างทางธรณีวิทยาและประเมินศักยภาพของแหล่งกักเก็บ โครงการซาราวักเอสเค 410 บี อยู่ระหว่างการสำรวจคลื่นไหวสะเทือนแบบ 3 มิติ

โครงการในทวีปอเมริกา โครงการมาเรียนา ออยล์ แซนด์ ประเทศแคนาดา ได้ยื่นขออนุมัติพัฒนาแหล่ง Thornbury Phase 1 ต่อรัฐบาลอัลเบอร์ต้าแล้ว และเสร็จสิ้นการศึกษาด้านวิศวกรรม และอยู่ระหว่างพิจารณาแนวทางการดำเนินงานในอนาคต เน้นการศึกษาเพื่อลดต้นทุนและลดความเสี่ยงในการพัฒนาโครงการ โครงการบารารินเนียส์ เอพี 1 ประเทศบราซิล อยู่ระหว่างการประมวลผลข้อมูลคลื่นไหวสะเทือนแบบ 3 มิติ เพื่อศึกษาและประเมินศักยภาพปิโตรเลียม โครงการบราซิล บีเอ็ม อีเอส 23 อยู่ระหว่างศึกษาศักยภาพปิโตรเลียมเพื่อการพัฒนาในอนาคต

โครงการในออสตราเลเชีย แหล่ง Montara ในโครงการพีทีทีอีพี ออสตราเลเชีย มีปริมาณการผลิตเฉลี่ยอยู่ที่ 9,911 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งต่ำกว่าแผนการผลิตเล็กน้อยเนื่องจากมีพายุไซโคลนในเดือนเมษายนและพฤษภาคมที่ผ่านมา และแหล่ง Cash Maple อยู่ระหว่างการศึกษาวิศวกรรมเบื้องต้น (Pre-FEED Study) คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2560 เพื่อหาแนวทางพัฒนาโครงการต่อไป

โครงการในแอฟริกาและตะวันออกกลาง โครงการแอลจีเรีย ฮาสสิ เบอร์ ราเคซ อยู่ระหว่างเร่งเตรียมแผนพัฒนาโครงการเพื่อนำส่งรัฐบาลแอลจีเรียภายในปี 2560 ซึ่งรวมถึงการพัฒนาระยะที่ 1 ที่ระดับ10,000 - 13,000 บาร์เรลต่อวัน โครงการโมซัมบิก โรวูมา ออฟชอร์ แอเรีย วัน ได้รับการอนุมัติสัมปทานการบริหารจัดการทางทะเลและท่าเรือ (Marine Concessions) จากรัฐบาลโมซัมบิกเรียบร้อยแล้ว อยู่ระหว่างการเตรียมการโยกย้ายชุมชนออกจากบริเวณการก่อสร้าง (Resettlement) คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในไตรมาส 3 ขณะเดียวกัน อยู่ระหว่างการเจรจาสัญญาซื้อขาย LNG ระยะยาวกับผู้ซื้อ และการเจรจาสัญญาเงินกู้ในรูปแบบของ Project Finance กับสถาบันการเงินเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้าย


The information, statements, forecasts and projections contained herein reflect the Company’s current views with respect to future events and financial performance.   These views are based on assumptions subject to various risks.   No assurance is given that these future events will occur, or that the Company’s future assumptions are correct.   Actual results may differ materially from those projected.