ข่าวประชาสัมพันธ์

ปตท.สผ. ร่วมกับภาครัฐ ศึกษาศักยภาพการกักเก็บคาร์บอนของอ่าวไทยตอนบน เพื่อเป้าหมาย Net Zero ของประเทศ

5 ม.ค. 2567

ปตท.สผ. พร้อมนำองค์ความรู้และประสบการณ์ ร่วมศึกษาและประเมินศักยภาพชั้นหินธรณีวิทยาเพื่อกักเก็บคาร์บอนบริเวณอ่าวไทยตอนบน กับบริษัท อินเป็กซ์ คอร์ปอเรชั่น จากญี่ปุ่น ภายใต้ความร่วมมือระดับประเทศของหน่วยงานภาครัฐ ระหว่างกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ และ Japan Organization for Metals and Energy Security (JOGMEC) ประเทศญี่ปุ่น เพื่อช่วยสนับสนุนการลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ และการพัฒนาโครงการดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon Capture and Storage: CCS) ในรูปแบบ CCS Hub ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ของไทย

นายมนตรี ลาวัลย์ชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. เปิดเผยว่า จากการที่กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติได้ลงนามในขอบเขตความร่วมมือ (Term of Collaboration) ระดับรัฐในโครงการศึกษาและประเมินศักยภาพชั้นหินธรณีวิทยาเพื่อกักเก็บคาร์บอนบริเวณอ่าวไทยตอนบน (Northern Gulf of Thailand CCS Exploration project) กับ Japan Organization for Metals and Energy Security (JOGMEC) ซึ่งเป็นหน่วยงานภาครัฐของประเทศญี่ปุ่น ปตท.สผ. ในฐานะอนุกรรมการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้านการขับเคลื่อนการลดก๊าซเรือนกระจกจากการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีการดักจับ การใช้ประโยชน์ และการกักเก็บคาร์บอน (CCUS) ของประเทศไทย พร้อมให้ความร่วมมือและสนับสนุนโครงการดังกล่าว โดยจะเป็นผู้ดำเนินการศึกษาร่วมกับ บริษัท อินเป็กซ์ คอร์ปอเรชั่น (INPEX CORPORATION) จากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งหากการศึกษาประสบผลสำเร็จ ข้อมูลที่ได้จะเป็นประโยชน์ต่อการวางแผนพัฒนาการดักจับและกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ (CCS) ของประเทศไทย

“ปตท.สผ. มีความยินดีที่จะได้นำความรู้ด้านธรณีวิทยา ตลอดจนประสบการณ์และความเชี่ยวชาญจากการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในพื้นที่อ่าวไทย และจากการศึกษาโครงการ CCS ที่แหล่งก๊าซธรรมชาติอาทิตย์ มาทำงานร่วมกับพันธมิตรจากประเทศญี่ปุ่นซึ่งมีประสบการณ์ในการทำ CCS มาแล้วในต่างประเทศ เพื่อช่วยให้ประเทศไทยสามารถวางแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำหรับ CCS โดยเฉพาะในรูปแบบ CCS Hub ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งถือเป็นหนึ่งในแนวทางสำคัญที่จะสนับสนุนกลุ่มอุตสาหกรรมต่าง ๆ ในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ในปริมาณมาก เพื่อบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ของประเทศ” นายมนตรี กล่าว

ปัจจุบัน ปตท.สผ. ร่วมมือกับบริษัทภายในกลุ่ม ปตท. ศึกษาความเป็นไปได้การประยุกต์ใช้เทคโนโลยี CCS ภายใต้โครงการ Eastern Thailand CCS Hub บริเวณพื้นที่ปฏิบัติการของกลุ่ม ปตท. ใน EEC จังหวัดระยอง และจังหวัดชลบุรี เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของอุตสาหกรรมในกลุ่ม ปตท. และอุตสาหกรรมอื่น ๆ ในพื้นที่ใกล้เคียง โดย ปตท.สผ. เป็นผู้รับผิดชอบหลักในการศึกษาความเป็นไปได้ของการพัฒนาโครงการดังกล่าว

นอกจากนี้ ปตท.สผ. ยังอยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการ CCS ที่แหล่งก๊าซธรรมชาติอาทิตย์ในอ่าวไทย ถือได้ว่าเป็นโครงการนำร่องในการพัฒนา CCS ครั้งแรกของประเทศไทย โดยได้เสร็จสิ้นขั้นตอนของการออกแบบด้านวิศวกรรม (FEED) แล้ว ปตท.สผ. คาดว่าจะสามารถเริ่มใช้เทคโนโลยี CCS ที่แหล่งก๊าซธรรมชาติอาทิตย์ได้ในปี 2570 ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกระบวนการผลิตได้ประมาณ 700,000-1,000,000 ตันต่อปี

ผลการศึกษาความเป็นไปได้ทั้ง Eastern Thailand CCS Hub ของกลุ่ม ปตท. และผลการดำเนินโครงการ CCS ที่แหล่งอาทิตย์ รวมทั้งโครงการศึกษาและประเมินศักยภาพชั้นหินธรณีวิทยาเพื่อกักเก็บคาร์บอนบริเวณอ่าวไทยตอนบนใน (Northern Gulf of Thailand CCS Exploration project) ครั้งนี้ จะช่วยให้ประเทศไทยมีข้อมูลด้านธรณีวิทยาที่จำเป็นต่อการวางแผนพัฒนาโครงการ CCS ในอ่าวไทย เพื่อสนับสนุนเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net zero greenhouse gas emissions) ในปี 2608

 

หากสื่อมวลชนต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อแผนกบริหารงานสื่อมวลชน

 


The information, statements, forecasts and projections contained herein reflect the Company’s current views with respect to future events and financial performance.   These views are based on assumptions subject to various risks.   No assurance is given that these future events will occur, or that the Company’s future assumptions are correct.   Actual results may differ materially from those projected.