กรอบแนวคิดและกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน
เส้นทางด้านความยั่งยืน
ปตท.สผ. มีแนวคิดที่จะก้าวไปสู่การเป็นองค์กรแห่งความยั่งยืนมาตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯ ในปี 2528 โดยเริ่มมุ่งสู่การเป็น "องค์กรสีเขียว" ที่เน้นการดูแลและบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อม ต่อมาบริษัทฯ ได้เริ่มนำแนวคิดด้านความยั่งยืนที่มีองค์ประกอบด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และหลักธรรมาภิบาลมาปรับใช้ จนในปี 2554 ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกข้อตกลงแห่งสหประชาชาติ (United Nations Global Compact - UNGC) เพื่อแสดงความมุ่งมั่นที่จะยึดถือปฏิบัติตามหลักการ 10 ประการของ UNGC ใน 4 ด้านหลัก ได้แก่ สิทธิมนุษยชน แรงงาน สิ่งแวดล้อม และการต่อต้านคอร์รัปชัน โดยในปี 2558 ปตท.สผ. ได้ถูกยกระดับให้เป็นสมาชิกระดับ Advanced Level สืบเนื่องจากการปฏิบัติตามเกณฑ์ขั้นสูงสุดของ UNGC
นอกจากนั้น ปตท.สผ. ได้นำเกณฑ์การประเมินด้านความยั่งยืนในระดับสากลต่าง ๆ เช่น กลุ่มดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices – DJSI), MSCI, FTSE4Good เป็นต้น มาเป็นแนวทางในการดำเนินงานด้านความยั่งยืน รวมถึงยังรายงานผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืนของบริษัทสอดคล้องกับมาตรฐานการรายงาน Global Reporting Initiative (GRI) และกรอบการรายงานและบริหารจัดการความยั่งยืนระดับสากล International Petroleum Industry Environment Conservation Association (IPIECA) อีกด้วย
ในปี 2562 ปตท.สผ. จัดทำกรอบแนวคิดและกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนพร้อมทั้งกำหนดเป้าหมายระยะยาว (ปี 2573) ไว้อย่างชัดเจน เพื่อสร้างความยั่งยืนจากภายในองค์กร ผ่านการดำเนินงานที่ดีบนรากฐานที่แข็งแกร่ง และส่งมอบคุณค่า สร้างความยั่งยืนให้แก่สังคมโดยรวมได้ในที่สุด (From We to World)
ในปี 2563 คณะกรรมการบริษัทมีบทบาทสำคัญในการผลักดันด้านความยั่งยืนขององค์กรเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม โดยได้อนุมัติกลยุทธ์ เป้าหมายระยะยาว รวมทั้งเจตนารมณ์ด้านความยั่งยืน (Sustainability Statement) เพื่อใช้สื่อสารให้พนักงานทุกคนรวมถึงผู้มีส่วนได้เสียของบริษัทฯ มีความเข้าใจที่ตรงกันในแนวทางด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนขององค์กร นอกจากนี้ ปตท.สผ. ยังได้ขยายขอบเขตความรับผิดชอบของคณะกรรมการบรรษัทภิบาลให้ทำหน้าที่กำหนดนโยบาย กำกับดูแล และส่งเสริมการดำเนินงานในด้านความยั่งยืนในภาพรวม โดยมีการติดตามการดำเนินงานอย่างใกล้ชิดเป็นรายไตรมาส และได้เปลี่ยนชื่อจาก "คณะกรรมการบรรษัทภิบาล" เป็น "คณะกรรมการบรรษัทภิบาลและการพัฒนาอย่างยั่งยืน" ตามมติที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2563 ซึ่งปัจจุบันคณะดังกล่าวมีชื่อว่าคณะกรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืน
กรอบแนวคิดและกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน
กรอบแนวคิดด้านความยั่งยืน
ปตท.สผ. เชื่อมั่นว่าการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนนั้นเกิดจากการสร้างสมดุลที่เหมาะสม หรือ "Right Balance" ระหว่างธุรกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม จึงได้พัฒนา "กรอบแนวคิดด้านความยั่งยืน" ขึ้นเพื่อเป็นกรอบแนวคิดในการดำเนินงาน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ ปตท.สผ. ดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างความมั่นคงทางด้านพลังงาน ควบคู่ไปกับการดูแลใส่ใจสังคมและสิ่งแวดล้อม เพราะเราเชื่อมั่นว่าการสร้างความยั่งยืนจากภายในองค์กร โดยมีการดำเนินงานที่ดี บนรากฐานที่แข็งแกร่งและมีจิตสำนึกที่คำนึงถึงคุณค่าในระยะยาวต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายแล้ว จะสามารถสร้างความยั่งยืนให้แก่สังคมโดยรวมได้ในที่สุด หรือ Form We to World รวมถึงเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้บริษัทฯ มุ่งสู่การเป็น "Energy Partner of Choice" ตามวิสัยทัศน์ที่ตั้งไว้ โดยกรอบแนวคิดด้านความยั่งยืนนี้ประกอบด้วย การมุ่งสู่องค์กรแห่งความเป็นเลิศ (High Performance Organization - HPO) การกำกับดูแลกิจการที่ดี การบริหารความเสี่ยง และการกำกับการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ (Governance, Risk Management and Compliance - GRC) และการสร้างคุณค่าอย่างยั่งยืน (Sustainable Value Creation - SVC) โดยกรอบแนวคิดด้านความยั่งยืนของ ปตท.สผ. สนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (UN Sustainable Development Goals – UN SDGs) ทั้ง 17 เป้าหมาย โดยประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืนของบริษัทฯ สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals - SDGs) ขององค์การสหประชาชาติ เป้าหมายที่ 7 8 12 13 14 และ 16 ซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงกับการดำเนินธุรกิจของบริษัท
- การมุ่งสู่องค์กรแห่งความเป็นเลิศ (High Performance Organization - HPO)
มุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพขององค์กร เพื่อให้มีการพัฒนาผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องสามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน โดยให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีและนวัตกรรม การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และพลังงานในอนาคต - การกำกับดูแลกิจการที่ดี การบริหารความเสี่ยง และการกำกับการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ (Governance, Risk Management and Compliance - GRC)
มุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจด้วยความโปร่งใส และมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างเสถียรภาพและความยั่งยืนให้กับองค์กร โดยยึดมั่นในหลักธรรมาภิบาล การกำกับดูแลให้มีการบริหารความเสี่ยงและการควบคุมภายในอย่างเหมาะสม ตลอดจนปฏิบัติตามกฎหมายและกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด - การสร้างคุณค่าอย่างยั่งยืน (Sustainable Value Creation - SVC)
มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจโดยให้ความสำคัญในการสร้างคุณค่าในระยะยาวแก่ผู้มีส่วนได้เสีย ผ่านการเป็นองค์กรที่ยั่งยืน ดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ ควบคู่ไปกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม และพัฒนาชุมชนและสังคม
ประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืน
กระบวนการประเมินประเด็นสำคัญของ ปตท.สผ.
ในปี 2565 ปตท.สผ. ได้ประเมินและทบทวนประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืนของบริษัทฯ ครอบคลุมทั้งด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental) สังคม (Social) และบรรษัทภิบาล (Governance) หรือ ESG โดยพิจารณาใน 2 มิติ ได้แก่ ระดับความสำคัญในมุมมองผลกระทบต่อ ปตท.สผ. และระดับความสำคัญในมุมมองผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้เสีย 9 กลุ่มหลัก ซึ่งประกอบด้วย (1) หน่วยงานภาครัฐและหน่วยงานกำกับดูแล (2) ผู้ค้า คู่ค้า/ผู้รับเหมา (3) ลูกค้า (4) พนักงาน (5) ผู้ถือหุ้น สถาบันการลงทุน สถาบันการเงิน และเครดิตเตอร์ (6) พันธมิตรทางธุรกิจ หุ้นส่วน และผู้ร่วมลงทุนทางธุรกิจ (7) ชุมชน (8) องค์กรอิสระ องค์กรมหาชน องค์กรไม่แสวงหาผลกำไร และสถาบันการศึกษา (9) สำนักข่าวและสื่อมวลชน โดย ปตท.สผ. ได้ดำเนินการจัดลำดับความสำคัญอย่างเป็นระบบใน 2 มิติดังกล่าวข้างต้น ตามขั้นตอนภายใต้กรอบการรายงาน Global Reporting Initiative Standards: GRI Standards (2021) และ AA1000 AccountAbility Principles: AA1000AP (2018) โดยประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืนต่าง ๆ นั้น ได้ถูกรวบรวมมาจากแนวโน้มและทิศทางด้านความยั่งยืน ทั้งในระดับประเทศและในระดับสากลที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ และ SASB Materiality MapTM ของ Sustainability Accounting Standards Board (SASB) ในอุตสาหกรรมสำรวจและผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ โดยผลจากการประเมินประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืนดังกล่าวจะถูกนำมาเป็นข้อมูลสำคัญเพื่อใช้พัฒนาและปรับปรุงกลยุทธ์องค์กร รวมถึงบูรณาการเข้าสู่กระบวนการบริหารความเสี่ยงองค์กรเพื่อให้ ปตท.สผ. สามารถรับมือกับความเสี่ยงที่เป็นประเด็นสำคัญต่อความยั่งยืนขององค์กรได้อย่างทันท่วงที โดยมีขั้นตอนดังนี้
- การทำความเข้าใจบริบทขององค์กร
•ทบทวนบริบทขององค์กรตลอดห่วงโซ่อุปทานที่เกี่ยวข้องกับทุกกิจกรรมทางธุรกิจ ความสัมพันธ์ทางธุรกิจ บริบทด้านความยั่งยืน และผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม•ทบทวนแนวโน้มโลกและเปรียบเทียบการดำเนินธุรกิจในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน รวมถึงการมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดประเด็นสำคัญเบื้องต้น
- การระบุผลกระทบที่เกิดขึ้นหรืออาจเกิดขึ้น
•ระบุผลกระทบของประเด็นสำคัญที่เกิดขึ้นจริงและที่มีโอกาสเกิดขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม ผู้มีส่วนได้เสีย รวมถึงผลกระทบต่อสิทธิมนุษยชนทั้งทางบวกและทางลบ ในระยะสั้นและระยะยาว ซึ่งครอบคลุมทุกกิจกรรมการดำเนินธุรกิจของ ปตท.สผ. ตลอดห่วงโซ่อุปทาน ผ่านการสัมภาษณ์ผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการรวบรวมความคิดเห็นต่าง ๆ ผ่านแบบสำรวจในรูปแบบออนไลน์
- การประเมินผลกระทบที่มีนัยสำคัญ
อ้างอิงตามหลักการประเมินประเด็นสำคัญแบบ Double Materiality ซึ่งมีวิธีการประเมินดังนี้ :•มีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียภายนอก เพื่อรับฟังและรวบรวมมุมมองเกี่ยวกับผลกระทบของบริษัทฯ ต่อด้านต่าง ๆ ได้แก่ เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม ผู้มีส่วนได้เสีย และสิทธิมนุษยชน•มีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียภายใน (ระดับบริหาร) เพื่อรับฟังมุมมองผลกระทบที่เกี่ยวข้องในบริบทด้านความยั่งยืนที่มีต่อบริษัทฯ•ประเมินและกำหนดผลกระทบที่มีนัยสำคัญที่ได้จากการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย โดยพิจารณาใน 2 มิติ คือ 1) ความรุนแรง (ขนาด ขอบเขต และการไม่สามารถเยียวยาให้กลับคืนสู่สภาพปกติ) และ 2) ความเป็นไปได้ของการเกิดผลกระทบเหล่านั้น - การจัดลำดับความสำคัญของผลกระทบที่มีนัยสำคัญ
•กำหนดเกณฑ์ในการพิจารณาคัดเลือกประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืน•ทวนสอบประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืนเทียบกับความคิดเห็นผู้เชี่ยวชาญ (Expert Testing) โดยทบทวนประเด็นสำคัญทั้ง 3 มิติ ได้แก่ ด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับกิจการและเศรษฐกิจ (Environmental, Social, Governance & Economics: ESG) จากองค์กรชั้นนำด้านความยั่งยืน (Thought Leaders) ที่เป็นองค์กรไม่แสวงหากำไร (Non-Governmental Organization: NGO) ทั้งระดับนานาชาติและระดับประเทศ จากนั้นนำคะแนนผลกระทบที่ได้จากการทวนสอบของผู้เชี่ยวชาญรวมเข้ากับคะแนนผลกระทบที่ได้จากผู้มีส่วนได้เสีย•นำเสนอประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืนต่อคณะกรรมการจัดการ (Management Committee) เพื่อพิจารณาเห็นชอบและคณะกรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืน (Corporate Governance and Sustainability Committee) เพื่อรับทราบในประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืนของบริษัทฯ และเพื่อใช้ในการรายงานผลการดำเนินงานของบริษัทฯ•ผนวกประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืนเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาและปรับปรุงกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนขององค์กร•รวบรวมข้อมูลผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืนในประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืนทั้งหมดและเปิดเผยผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ต่อสาธารณชนในหลากหลายช่องทางเพื่อตอบสนองต่อผู้มีส่วนได้เสียแต่ละกลุ่มอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนรวบรวมความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำมาพิจารณาปรับปรุงการรายงานที่สะท้อนประเด็นที่เกี่ยวข้องกับผู้มีส่วนได้เสียได้ดียิ่งขึ้น
ประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืนประจำปี 2565


- การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์
- เทคโนโลยีและนวัตกรรม
- การกำกับดูแลกิจการที่ดี การบริหารความเสี่ยง และการกำกับการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์
- ความปลอดภัย มั่นคง อาชีวอนามัย และสิ่งแวดล้อม
- การสร้างคุณค่าให้แก่ชุมชนและสังคม
- การพัฒนาศักยภาพและความพร้อมของบุคลากร
- การปรับใช้แนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน
- การบริหารจัดการด้านความหลากหลายทางชีวภาพ
- การบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน
- ความมั่นคงและปลอดภัยทางไซเบอร์
- สิทธิมนุษยชน
- การบริหารจัดการผู้มีส่วนได้เสีย
กลยุทธ์ด้านความยั่งยืน
ภายใต้กรอบแนวคิดด้านความยั่งยืนและประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืนขององค์กร ปตท.สผ. ได้กำหนดกลยุทธ์ 3 แนวทางหลัก รวมถึงกลยุทธ์อื่น ๆ เพื่อสร้างรากฐานและความแข็งแกร่งด้านความยั่งยืน ที่ครอบคลุมมิติสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการ (ESG) โดยกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนของ ปตท.สผ. และเป้าหมายระยะยาวในระดับองค์กร ประกอบด้วย
การพัฒนาความร่วมมือและเครือข่ายเพื่อความยั่งยืน
เครือข่ายความร่วมมือนับเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งต่อการดำเนินธุรกิจในปัจจุบัน รวมถึงการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต ปตท.สผ. จึงให้ความสำคัญในการสร้างเครือข่ายความร่วมมือในด้านธุรกิจ ควบคู่กับการสร้างเครือข่ายความร่วมมือในด้านการพัฒนาชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม ซึ่งสอดคล้องกับการดำเนินงานตามกรอบแนวคิดและกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนขององค์กร ตลอดจนสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนทั้งในระดับประเทศและองค์การสหประชาชาติ สอดรับกับวิสัยทัศน์องค์กร "Energy Partner of Choice"
ปัจจุบัน ปตท.สผ. เข้าร่วมเป็นสมาชิกของเครือข่ายด้านความยั่งยืน อาทิ สมาชิกของข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (United Nations Global Compact – UNGC) สมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทย (Global Compact Network Thailand – GCNT) องค์กรธุรกิจเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Thailand Business Council for Sustainable Development – TBCSD) เครือข่ายเพื่อความยั่งยืนแห่งประเทศไทย (Thailand Responsible Business Network – TRBN) และชมรม ESG Network โดยสมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย
ปตท.สผ. ยังเล็งเห็นถึงความสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะกับหน่วยงานของรัฐ โดยนำองค์ความรู้และโครงการริเริ่มของ ปตท.สผ. มาช่วยแก้ไขปัญหาระดับประเทศอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นรูปธรรมในด้านต่าง ๆ ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และความหลากหลายทางชีวภาพ เป็นต้น ผ่านการมีส่วนร่วมในหลากหลายช่องทาง อาทิ การเป็นคณะอนุกรรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้านการขับเคลื่อนการลดก๊าซเรือนกระจกจากการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพื่อการดักจับ การใช้ประโยชน์และการกักเก็บคาร์บอนของประเทศ ภายใต้คณะกรรมการนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ เครือข่ายคาร์บอนนิวทรัลประเทศไทย รวมถึงบันทึกความเข้าใจเรื่องความร่วมมือในการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพกับสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือโครงการปลูกป่า 2 ล้านไร่กับกรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และกลุ่ม ปตท. นอกจากนี้ ปตท.สผ. ยังร่วมกับมหาวิทยาลัยและสถาบันชั้นนำ ผ่านความร่วมมือในการสร้างเครือข่ายการวิจัยและพัฒนาจากองค์ความรู้ของแต่ละฝ่าย ผ่านกลไกการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือหรือบันทึกความเข้าใจ ได้แก่ บันทึกข้อตกลงความร่วมมือการเสริมสร้างความยั่งยืนของมหาสมุทรกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บันทึกข้อตกลงความร่วมมือการพัฒนาแพลตฟอร์มข้อมูลวิทยาศาสตร์ทางทะเลกับสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) บันทึกข้อตกลงความร่วมมือการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติผ่านกลไกการมีส่วนร่วมกับชุมชนและการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนกับมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ อีกด้วย
นอกจากนั้น ปตท.สผ. ยังมุ่งเน้นการมีส่วนร่วมในกระบวนการรับฟังความคิดเห็นอย่างต่อเนื่องในร่างข้อกำหนดและกฎหมายที่สำคัญต่าง ๆ ในระดับประเทศ เช่น ร่างพระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ร่างพระราชบัญญัติการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพในเชิงพื้นที่และชนิดพันธุ์ รวมถึงร่างมาตรฐานการจัดกลุ่มกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม (Thailand Taxonomy) ของธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งจากการทบทวนพบว่าร่างมาตรฐานการจัดกลุ่มทางเศรษฐกิจดังกล่าว ปัจจุบันยังไม่ครอบคลุมกิจกรรมการสำรวจและผลิตปิโตรเลียม โดยบริษัทจะติดตามความก้าวหน้าของร่างการจัดกลุ่มทางเศรษฐกิจดังกล่าวอย่างใกล้ชิด รวมถึงหามาตรการและแนวทางที่เหมาะสมในการบริหารจัดการต่อไป