ข่าวประชาสัมพันธ์

ปตท.สผ. เผยผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2566

27 เม.ย. 2566

กรุงเทพฯ, 27 เมษายน 2566 – ปตท.สผ. เผยความก้าวหน้าการดำเนินงานในไตรมาส 1 ปี 2566 ยังคงเดินหน้าตามแผนงานที่วางไว้ และสามารถนำส่งรายได้จากการดำเนินธุรกิจให้กับรัฐประมาณ 8,300 ล้านบาทเพื่อการพัฒนาประเทศ รวมทั้ง สามารถลดก๊าซเรือนกระจกสะสมได้กว่า 1.7 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าจากปีฐาน 2563

นายมนตรี ลาวัลย์ชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. กล่าวว่าในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา ปตท.สผ. มีความคืบหน้าการดำเนินงานตามแผนกลยุทธ์ที่เน้นการลงทุนในพื้นที่ยุทธศาสตร์ทั้งในไทยและต่างประเทศ โดยชนะประมูลแปลงสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในทะเลอ่าวไทย รอบที่ 24 จำนวน 2 แปลง คือ แปลงจี 1/65 และแปลงจี 3/65 ซึ่งอยู่ใกล้กับโครงการจี 1/61 และจี 2/61 ที่บริษัทเป็นผู้ดำเนินการอยู่แล้ว ซึ่งจะทำให้สามารถเร่งแผนการพัฒนาโครงการได้รวดเร็วขึ้น เพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศ นอกจากนี้ ยังได้เข้าร่วมลงทุนกับบริษัทน้ำมันและก๊าซฯ ของมาเลเซีย เพื่อเข้ารับสิทธิการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมแปลงเอสเค 325 ในประเทศมาเลเซีย ซึ่งจะสามารถต่อยอดการเติบโตในประเทศมาเลเซียได้อย่างต่อเนื่อง

ด้านความคืบหน้าในโครงการจี 1/61 (แหล่งเอราวัณ, ปลาทอง, สตูล, ฟูนาน) บริษัทได้เร่งการเจาะหลุมผลิต เพื่อให้สามารถเพิ่มอัตราการผลิตก๊าซฯ ตามแผนงานที่วางไว้ โดยจะเพิ่มเป็น 400 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันภายในช่วงกลางปีนี้ และจะเพิ่มเป็น 600 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันในปลายปี และจะขึ้นมาอยู่ที่ 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันในเดือนเมษายน 2567 ซึ่งจะมีส่วนช่วยลดผลกระทบด้านต้นทุนพลังงานให้กับประชาชน

สำหรับความคืบหน้าการดำเนินงานเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก สู่เป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593 (Net Zero Greenhouse Gas Emissions by 2050) นั้น ปตท.สผ. ได้หลีกเลี่ยงและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสะสมได้ประมาณ 1.7 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า จากปีฐาน 2563 จนถึงปลายไตรมาสที่ 1 นี้ จากการบริหารจัดการการสำรวจและผลิตปิโตรเลียม (E&P Portfolio) และกิจกรรมเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกระบวนการผลิต ได้แก่ การนำก๊าซส่วนเกินจากกระบวนการผลิตปิโตรเลียมกลับมาใช้ใหม่ การปรับปรุงกระบวนการผลิต การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และการใช้พลังงานหมุนเวียน เป็นต้น

ด้านโครงการดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CCS) ที่แหล่งอาทิตย์ ซึ่งเป็นโครงการนำร่องที่สำคัญในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์นั้น อยู่ระหว่างการศึกษาและออกแบบด้านวิศวกรรม (Front-End Engineering and Design: FEED) โดยบริษัทคาดว่าจะตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้าย (Final Investment Decision) ในครึ่งหลังปีนี้ ส่วนการพัฒนาพลังหมุนเวียนแสงอาทิตย์ของโครงการเอส 1 กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง

นอกจากนี้ เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านของธุรกิจพลังงานและสร้างการเติบโตในอนาคต ปตท.สผ. ได้ปรับโครงสร้างการดำเนินธุรกิจ โดยได้จัดตั้งหน่วยงานเทคโนโลยีและคาร์บอนโซลูชั่น เพื่อมุ่งเน้นการลงทุนในธุรกิจใหม่ โดยให้ความสำคัญกับการลงทุนเกี่ยวกับพลังงานหมุนเวียนและไฟฟ้า ไฮโดรเจน การดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CCS) รวมถึงการดักจับคาร์บอนและการนำมาใช้ประโยชน์ (CCU) เพื่อมุ่งสู่การเป็นองค์กรคาร์บอนต่ำ

สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 1 นี้ ปตท.สผ. มีรายได้รวม 2,314 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (สรอ.) (เทียบเท่า 78,438 ล้านบาท) ลดลงประมาณร้อยละ 14 เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปี 2565 โดยหลักมาจากปริมาณการขายเฉลี่ยลดลงมาอยู่ที่ 460,817 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน เนื่องจากปริมาณการขายจากโครงการในต่างประเทศลดลง อย่างไรก็ตาม ในไตรมาสที่ 1 นี้ บริษัทมีรายจ่ายจากรายการที่ไม่ใช่การดำเนินงานปกติ (Non-operating items) ลดลงจากไตรมาสที่ผ่านมาเช่นกัน ส่งผลให้ไตรมาสที่ 1 นี้ บริษัทมีกำไรสุทธิที่ 569 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 19,281 ล้านบาท)

จากผลการดำเนินงานในรอบ 3 เดือนแรกของปี 2566 ปตท.สผ. สามารถนำส่งรายได้ให้กับรัฐ ซึ่งอยู่ในรูปภาษีเงินได้ ค่าภาคหลวง และส่วนแบ่งผลประโยชน์อื่น ๆ ประมาณ 8,300 ล้านบาท เพื่อการพัฒนาประเทศในด้านต่าง ๆ เช่น ด้านการพัฒนาชุมชน การศึกษา และการวิจัยและพัฒนา เป็นต้น

หากสื่อมวลชนต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อแผนกบริหารงานสื่อมวลชน



The information, statements, forecasts and projections contained herein reflect the Company’s current views with respect to future events and financial performance.   These views are based on assumptions subject to various risks.   No assurance is given that these future events will occur, or that the Company’s future assumptions are correct.   Actual results may differ materially from those projected.