ปตท.สผ. เผยกำไรจากการดำเนินงานปกติ 9 เดือนแรกที่ 596 ล้านดอลลาร์ สรอ. พร้อมเงินสดในมือกว่า 4,000 ล้านดอลลาร์ สรอ.

2 พ.ย. 2560

นายสมพร ว่องวุฒิพรชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. เปิดเผยผลประกอบการหลักสำหรับ 9 เดือนแรกของปี 2560 เป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ ทั้งด้านการบริหารปริมาณการผลิตและการควบคุมต้นทุนต่อหน่วยให้อยู่ในระดับต่ำ ประกอบกับมีแรงหนุนจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ ปตท.สผ. มีกำไรจากการดำเนินงานตามปกติ (recurring net profit) 596 ล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา (ดอลลาร์ สรอ.) (เทียบเท่า 20,431 ล้านบาท) อย่างไรตาม ปตท.สผ. ได้มีการปรับแผนการพัฒนาโครงการมาเรียนา ออยล์ แซนด์ ในประเทศแคนาดา เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะอุตสาหกรรมปัจจุบัน ส่งผลให้เกิดขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์ตามมาตรฐานทางบัญชี แต่ไม่กระทบต่อเงินสดในมือ

ผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกของปี 2560 ปตท.สผ. มีรายได้จากการขาย 3,079 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 105,503 ล้านบาท) ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากปริมาณการขายเฉลี่ยที่ปรับลดลงร้อยละ 8 เป็น 294,539 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน สาเหตุหลักมาจากการปิดซ่อมบำรุงตามแผนงานที่มากขึ้น การปรับลดการผลิตของโครงการพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย และผลกระทบจากการที่ผู้ซื้อเรียกรับก๊าซธรรมชาติลดลงในครึ่งปีแรก รวมทั้งปริมาณขายที่ลดลงเนื่องจากการขายบริษัท PTTEP Oman ในปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ ปตท.สผ. ได้มีการปรับแผนการผลิตเพื่อลดผลกระทบจากการเรียกรับก๊าซธรรมชาติที่ต่ำลงโดยเพิ่มปริมาณการผลิตคอนเดนเสทและน้ำมันดิบของโครงการในอ่าวไทยและออสเตรเลีย อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันในตลาดโลกได้ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยสูงขึ้นจาก 36.00 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบเป็น 38.29 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ นอกจากนี้ ปตท.สผ. ยังคงให้ความสำคัญกับการควบคุมต้นทุน โดยสามารถลดต้นทุนต่อหน่วยลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 5 ทำให้ต้นทุนต่อหน่วยอยู่ที่ 28.36 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ

จากผลการดำเนินงานดังกล่าวส่งผลให้ ปตท.สผ. มีกำไรจากการดำเนินงานตามปกติ (recurring) จำนวน 596 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 20,431 ล้านบาท) อย่างไรก็ตาม ปตท.สผ. มีการขาดทุนจากรายการที่ไม่ใช่การดำเนินงานปกติ (non-recurring) จำนวน 291 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 9,293 ล้านบาท) ซึ่งประกอบด้วยขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์จำนวน 558 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 18,505 ล้านบาท) จากการปรับแผนการพัฒนาโครงการมาเรียนา ออยล์ แซนด์ สุทธิกับผลประโยชน์ทางภาษีที่เกี่ยวข้องกับค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น เป็นผลให้ ปตท.สผ. มีกำไรสุทธิ 305 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 11,138 ล้านบาท)

สำหรับไตรมาส 3 ปี 2560 ปตท.สผ. มีกำไรจากการดำเนินงานตามปกติ (recurring) จำนวน 218 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 7,278 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นจาก 167 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 5,716 ล้านบาท) ในไตรมาส 2 ปี 2560 เนื่องจากปริมาณการขายที่ปรับตัวสูงขึ้นเป็น 298,139 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันจาก 281,435 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันในไตรมาสก่อนหน้า และราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยตามทิศทางของราคาน้ำมันดิบ รวมถึงต้นทุนต่อหน่วยที่ลดลงเหลือ 28.50 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ จาก 29.08 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ แต่เมื่อรวมขาดทุนจากรายการที่ไม่ใช่การดำเนินงานปกติ (non-recurring) จำนวน 482 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 15,960 ล้านบาท) ที่ส่วนใหญ่มาจากการรับรู้การด้อยค่าของสินทรัพย์จากการปรับแผนการพัฒนาโครงการมาเรียนา ออยล์ แซนด์ ส่งผลให้ในไตรมาส 3 ปตท.สผ. มีผลขาดทุนสุทธิจำนวน 264 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 8,682 ล้านบาท)

อย่างไรก็ดี ปตท.สผ. ยังคงรักษาความแข็งแกร่งของสถานะทางการเงินโดยมีอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา (EBITDA Margin) สูงถึงร้อยละ 71 และมีสินทรัพย์ ณ วันที่ 30 กันยายน 2560 จำนวน 18,616 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 621,204 ล้านบาท) รวมถึงเงินสดและเงินลงทุนระยะสั้นจำนวน 4,055 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 135,315 ล้านบาท) มีส่วนของทุนจำนวน 11,229 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 374,705 ล้านบาท) และหนี้สินที่มีดอกเบี้ยจำนวน 2,889 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 96,415 ล้านบาท)

นายสมพร กล่าวว่า “ถึงแม้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเริ่มส่งสัญญาณที่ดีขึ้น แต่ ปตท.สผ. ยังคงติดตามสถานการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อความผันผวนของราคาน้ำมันดิบอย่างใกล้ชิด เพื่อปรับแผนการลงทุนให้สอดคล้องกับสภาวะอุตสาหกรรมปัจจุบันและรักษาผลกำไรของบริษัท”

ทั้งนี้ ปตท.สผ. ยังคงมีสภาพคล่องที่ดีด้วยเงินสดในมือประมาณ 4,000 ล้านดอลลาร์ สรอ. สามารถรองรับการตัดสินใจพัฒนาโครงการหลักที่มีอยู่ โดยเฉพาะโครงการโมซัมบิก โรวูมา ออฟชอร์ แอเรีย วัน และโครงการแอลจีเรีย ฮาสสิ เบอร์ ราเคซ นอกจากนั้นยังมีโครงการเวียดนาม บี และ 48/95 และโครงการเวียดนาม 52/97 ในประเทศเวียดนาม ซึ่งในเดือนกันยายน 2560 กลุ่มผู้ร่วมทุนของโครงการได้ลงนามร่วมกันในข้อตกลงเบื้องต้นเกี่ยวกับราคาค่าก๊าซธรรมชาติและค่าผ่านท่อก๊าซฯ (Letter of Agreement) เพื่อผลักดันการตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้าย (Final Investment Decision) ให้ได้ในปีหน้า

“นอกจากนี้ บริษัทยังมุ่งแสวงหาโอกาสการลงทุนเพิ่มเติมในธุรกิจต้นน้ำและธุรกิจ LNG ครบวงจร การเร่งรัดการขุดเจาะสำรวจ เพื่อเพิ่มปริมาณสำรองปิโตรเลียมและปริมาณการผลิตของบริษัททั้งในระยะสั้นและระยะยาว ทั้งนี้รวมถึงการประมูลแหล่งสัมปทานที่กำลังจะหมดอายุในอ่าวไทยซึ่ง ปตท.สผ. พร้อมที่จะเข้าร่วมประมูลและมีความเชื่อมั่นในความสามารถในการเข้าแข่งขันของบริษัท” นายสมพร กล่าวเสริม

ปรับโครงสร้างการบริหาร พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจ
คณะกรรมการ ปตท.สผ. ได้มีมติเห็นชอบการปรับโครงสร้างองค์กร โดยได้เพิ่มกลุ่มงานบริหารการเปลี่ยนแปลงธุรกิจและองค์กร (Business and Organization Transformation Group) และอนุมัติให้แต่งตั้ง นายสมพร ว่องวุฒิพรชัย ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และนายพงศธร ทวีสิน ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (President, Exploration and Production: PEP) ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2560

นายสมพรกล่าวเสริมว่า “การปรับโครงสร้างในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารงานและการดำเนินงานของบริษัทแล้ว ยังเป็นการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของสภาวะอุตสาหกรรม เพื่อให้องค์กรเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป”

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อแผนกบริหารงานสื่อมวลชน
ต้องจิตร พงศ์อรพินท์  โทร. 02 537 4587              
กอบัว ดำรงค์มงคลกุล  โทร. 02 537 7142         
E-mail: PTTEPCorpCom@pttep.com