ข่าวประชาสัมพันธ์

คำชี้แจงกรณีการฟ้องร้องในประเทศอินโดนีเซีย

6 พ.ค. 2560

ตามที่มีข่าวปรากฏในสื่อว่า The Coordinating Ministry for Maritime Affairs อินโดนีเซีย ยื่นฟ้อง บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด ( มหาชน ) หรือ ปตท.สผ. และ PTTEP Australasia (Ashmore Cartier) หรือ PTTEP AA ต่อศาลในกรุงจาการ์ตา เรียกร้องค่าเสียหายจากเหตุการณ์น้ำมันรั่วไหลของแหล่งมอนทารา ในทะเลติมอร์ ประเทศออสเตรเลีย เมื่อปี 2552 นั้น

ปตท.สผ. ขอชี้แจงว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์น้ำมันรั่วไหลขึ้นในปี 2552 PTTEP AA บริษัทย่อยของ ปตท.สผ. ในฐานะผู้รับสัมปทานและผู้ดำเนินการโครงการมอนทารา ได้ประสานงานกับรัฐบาลออสเตรเลียทำการจัดจ้างผู้เชี่ยวชาญที่เป็นอิสระด้านสิ่งแวดล้อมทำการศึกษา วิจัย ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่อาจเกิดขึ้นจากการรั่วไหลของน้ำมัน ผลการศึกษาสรุปได้ว่า เหตุการณ์ดังกล่าวไม่ได้ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพทั้งในน่านน้ำออสเตรเลียและและบริเวณใกล้เคียงน่านน้ำอินโดนีเซียแต่อย่างใด นอกจากนี้ยังได้ทำการศึกษาภาพถ่ายดาวเทียม ภาพถ่ายทางอากาศ รวมถึงการสร้างแบบจำลองการเคลื่อนที่ของคราบน้ำมัน (Trajectory Modelling) พบว่าคราบน้ำมันส่วนใหญ่อยู่ในน่านน้ำออสเตรเลีย ที่สำคัญคือคราบน้ำมันไม่ได้ลอยเข้าสู่แนวชายฝั่งทั้งออสเตรเลียและอินโดนีเซีย

เมื่อปี 2553 ปตท.สผ. และ PTTEP AA ได้รับทราบว่ารัฐบาลอินโดนีเซียยื่นข้อเรียกร้องค่าเสียหายว่าน้ำมันที่รั่วไหลส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและมีผลต่อการประมง ปตท.สผ. และ PTTEP AA ได้ประสานงานกับรัฐบาลอินโดนีเซีย เพื่อแจ้งให้ทราบว่า ปตท.สผ. และPTTEP AA ยินดีที่จะเจรจาอย่างสุจริตใจและร่วมกับรัฐบาลอินโดนีเซียในการพิสูจน์ความเสียหาย รวมถึงจัดส่งผลการศึกษาให้กับรัฐบาลอินโดนีเซีย นอกจากนี้ยังได้มีการเก็บตัวอย่างน้ำทะเลบริเวณแนวปะการังบริเวณใกล้เคียงกับน่านน้ำอินโดนีเซีย เพื่อตรวจสอบว่ามีคราบปิโตรเลียมหรือไม่ ผลการทดสอบพบว่าไม่พบคราบปิโตรเลียมซึ่งมาจากการรั่วไหลของแหล่งมอนทารา และไม่พบการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ต่อสภาพปะการังในบริเวณดังกล่าว

PTTEP AA ได้เจรจากับรัฐบาลอินโดนีเซียเป็นเวลาพอสมควร และพยายามที่จะประสานงานเพื่อลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) ระหว่าง PTTEP AA กับรัฐบาลอินโดนีเซีย เพื่อหาข้อยุติและพิสูจน์ความเสียหาย (หากมี) ร่วมกัน เริ่มด้วยการให้ทั้งสองฝ่ายจัดส่งเอกสารหลักฐานในส่วนของตน โดย PTTEP AA ได้ดำเนินการจัดส่งผลการศึกษา แต่ทางรัฐบาลอินโดนีเซียยังไม่ได้จัดส่งเอกสารเพื่อพิสูจน์ความเสียหาย รวมถึงยังไม่อนุญาตให้ PTTEP AA เข้าพื้นที่ด้วย นอกจากนี้ MOU ยังมีวัตถุประสงค์เพื่อจัดตั้งคณะกรรมการกลางร่วมกัน เพื่อให้ความเห็นจากผลการศึกษาผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม

ปตท.สผ. และ PTTEP AA ขอเรียนว่า ปตท.สผ. และ PTTEP AA ยินดีที่จะรับฟังหลักฐานเพื่อพิสูจน์ความเสียหายที่เกิดขึ้นและพร้อมจะรับผิดชอบหากมีความเสียหายที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเกิดขึ้นจริง

สำหรับผลการวิจัยเรื่องผลกระทบสิ่งแวดล้อมจากเหตุการณ์ดังกล่าว ท่านสามารถเข้าไปศึกษาได้ที่เว็บไซต์ดังนี้:

http://www.environment.gov.au/node/18259

http://www.au.pttep.com/sustainable-development/environmental-monitoring/  

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อแผนกบริหารงานสื่อมวลชน
ต้องจิตร พงศ์อรพินท์ โทร. 02 537 4587
กมลวรรณ จินตรัตน์   โทร. 02- 537 4381
นลิน วิบูลย์ชาติ โทร. 02 537 4834
E-mail: PTTEPCorpCom@pttep.com


The information, statements, forecasts and projections contained herein reflect the Company’s current views with respect to future events and financial performance.   These views are based on assumptions subject to various risks.   No assurance is given that these future events will occur, or that the Company’s future assumptions are correct.   Actual results may differ materially from those projected.